เฟื่องสุดๆ พืชหลังนาของสมาชิก 2 สหกรณ์ใน จ.พิจิตร “สหกรณ์การเกษตรชาวนาวังทรายพูน -สหกรณ์การเกษตรโพทะเล ” หันปลูกพริกซอส-พริกแจ่ว-ข้าวโพดหวาน ทำรายได้ดีกว่าทำนาปรังหลายเท่า หักต้นทุนมีกำไร่ละหลักหมื่นต่อรอบการผลิต ประหาศปีหน้าปลูกอีก เลิกแล้วทำนาปรัง
นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยื่อนสมาชิกสหกรณ์การเกษตรชาวนาวังทรายพูน จำกัด และสหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด จ.พิจิตร เพื่อติดตามโครงการที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ส่งเสริมอาชีพเสริมรายได้ให้แก่สมาชิกต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 พบว่า สมาชิกมีรายได้ในการปลูกพืชในฤดูแล้งแทนการทำนาปรังเพิ่มขึ้นหลายเท่า ส่งผลให้สมาชิกมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพและมีรายได้เหลือสำหรับมาลดหนี้ของสหกรณ์ได้อีกด้วย ซึ่งพืชที่ปลูกนั้นสหกรณ์จะมีพันธมิตรคือบริษัทเอกชนทำสัญญาซื้อผลผลิตในราคาประกัน
สำหรับโครงการนี้เป็นการทำร่วมกันแบบ 3 ขา หรือ 3 ฝ่าย คือสหกรณ์ สมาชิก และเอกชนผู้ทำตลาด โดยสหกรณ์ส่งเสริมอาชีพหาความร่วมมือกับเอกชนที่น่าเชื่อถือและมีตลาดชัดเจน และปลูกพืชที่ตลาดสนใจทำให้รายได้แน่นอน ขณะเดียวกันเมื่อสมาชิกมีรายได้คล่องตัวก็สามารถชำระหนี้สหกรณ์ได้ เป็นการช่วยเหลือกันและกัน
“ที่พิจิตร สมาชิกสหกรณ์ประสบความสำเร็จมากที่ปลูกพืชเสริมรายได้แทนนาปรัง มีทั้งพริกซอส พริกแจ่ว และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ส่งเสริมพืชทางเลือก อาทิ ข้าวโพดหวาน โดยสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ที่เอกชนมอบให้ เพื่อให้สหกรณ์นำร่องไปทดลองปลูกรายละ 1 ไร่ สหกรณ์ละ 1-2 ราย โดยมีเอกชนร่วมสนับสนุนทางวิชาการ พบว่าได้ผลิตมากว่าไร่ละ 3 ตัน ประกันราคาที่ กก.ละ 4 บาท หักต้นทุนไร่ละ 2,000-5,000 บาท เหลือรายได้มากกว่า 1 หมื่นบาทต่อไร่ ทำให้ปลายปีที่ผ่านมาเกษตรสนใจ และสหกรณ์การเกษตรทั้งสองแห่งได้ปลูกจนได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ” นายอัชฌา กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ศรีอุดทา ประธานสหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด เปิดเผยว่า กลางปี 63 รับพันธุ์ข้าวโพดหวานมาทดลองปลูกได้ผลผลิตดีมาก ขณะนั้นเขาขายตลาดฝักละ 10 บาท ทำให้เห็นว่า มีโอกาสทางการตลาด จึงติดต่อบริษัทซันสวีท จำกัด ที่รับซื้อข้าวโพดหวานส่งออกมาหารือและนำมาสู่การทำงานร่วมกัน ซึ่งเริ่มปลูกเมื่อปลาย 2563 ขณะนี้กำลังเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือน ก.พ.64 ซึ่งนอกจากขายฝักแล้วต้นยังสามารถสับขายส่งเป็นอาหารวัวซึ่งได้ขายในราคา 1,000 -1,200 บาทต่อตัน
ขณะที่นายจตุพร จันทร์พรหม สมาชิกสหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด บอกว่า เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวานส่งโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มทดลองปลูกในฤดูนี้จะเก็บเกี่ยววันที่ 20 ก.พ. 2564 คาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 5 ตันต่อไร่ จากปกติเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 ตัน บริษัทจะรับซื้อประกันขั้นต่ำ 4 บาท ต้นทุนไร่ละ 5 พันบาท หักแล้วเหลือมากกว่า 1หมื่นถึง 2 หมื่นบาทต่อไร่
นอกจากข้าวโพดหวานที่ขายฝักแล้ว ข้าวโพดหวานแต่ละต้นยังให้ข้าวโพดอ่อนเป็นผลพลอยได้สามารถขายได้ตันละ 4 พันบาท ต้นตันละ 1พันบาท ทั้งนี้เมื่อเก็บขาวโพดแล้วจะทำนาปีต่อ และเมื่อในฤดูนาปรัง ก็คิดว่าจะปลูกข้าวโพดหวานเช่นเดิมเพราะรายได้ดีกว่าการทำนาปรังหลายเท่า
ส่วนนายเฉลิมเกียรติ ดวงทิพย์ ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและจัดซื้อหาวัตถุดิบ บ.ซันสวีท จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีสัญญารับซื้อราคาประกัน ซึ่งข้าวโพดหวานขณะนี้ตลาดต้องการมาก แต่บริษัทมีกำลังการผลิตเพียง2 แสนตันต่อปี เพื่อส่งออก 90% ไปยัง 60ประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีเกษตรเข้าร่วมโครงการในหลายจังหวัดประมาณ 8 หมื่นถึง 1 แสนไร่ ทั้งนี้ก่อนจะปลูกบริษัทจะมาช่วยดูเรื่องดินและน้ำก่อนที่จะร่วมทำงานกับเกษตรกร เพื่อให้ผลผลิตออกมาตรงความต้องการของตลาดเป็นต้น