“ดร.สุเมธ” แนะคิดนอกกรอบเพื่ออนาคตข้าว…อนาคตไทย ต้องนำวิทยาการสมัยใหม่จากเศรษฐกิจดิจิทัลมาปรับใช้

  •  
  •  
  •  
  •  

โดย…ผกามาศ ธนพัฒนพงศ์

บทสรุป 4 ประเด็นบนเวทีการประชุมเวทีข้าวไทย ปี 2563 ภายใต้หัวข้อ  “อนาคตข้าว… อนาคตไทย” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล แนะคิดนอกกรอบเพื่ออนาคตข้าว…อนาคตไทย ต้องนำวิทยาการสมัยใหม่จากเศรษฐกิจดิจิทัลมาปรับใช้ ยกพระราชดำรัสในหลวง ร.9 ทรงเตือน ว่าการแสวงหาแนวทางเพื่อก้าวไปข้างหน้า ให้บรรลุเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ “ต้องเตรียมตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก” 

    อีกครั้งที่องค์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการข้าวของไทย นำโดยมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  ร่วมกับองค์กรเครือข่ายอีก 10 องค์กร ได้จัดการประชุมเวทีข้าวไทย ปี 2563 ภายใต้หัวข้อ  “อนาคตข้าว… อนาคตไทย” เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพมหานครฯ ซึ่งในงานมีเสวนาใน 4 หัว ข้อที่เปิดประเด็นการคิดนอกกรอบ เพื่อก้าวให้ถึงเป้าหมายอนาคตข้าวไทยที่ดีขึ้น ประกอบด้วย หัวข้อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อข้าวและชาวนา,ข้าวเพื่อสุขภาพ, กินข้าวเป็นยา, และข้าวเพื่อการท่องเที่ยว  Rice -Tourism

                                     ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

    ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ หนึ่งในประเด็นสำคัญคือได้ทรงเตือน ว่าการแสวงหาแนวทางเพื่อก้าวไปข้างหน้า ให้บรรลุเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ “ต้องเตรียมตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก”  ดังนั้นการจัดการประชุมเวทีข้าวไทยในครั้งนี้ จึงมีหัวข้อการเสวนาที่เป็นการคิดนอกกรอบ  มีมุมมองครบทั้งมิติทางสังคม และเศรษฐกิจ และนำวิทยาการสมัยใหม่จากเศรษฐกิจดิจิดัลมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม

            ในหัวข้อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อข้าวและชาวนา”  ชี้ให้เห็นความสำคัญของข้าว ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนา Application บนมือถือเพื่อการพยากรณ์อากาศ แสดงช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการบริหารจัดการแปลงนาในทุกช่วงของการปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ Application เหล่านี้ได้วางรูปแบบให้ชาวนาแปลความ และใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่ยาก นอกจากนี้ ยังมีชาวนารุ่นใหม่ที่กลับไปทำนาโดยใช้เทคโนโลยีในการปลูกข้าวและประสบความสำเร็จหลายเครือข่าย รวมทั้ง ข้าวยังสามารถนำมาสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าข้าว เช่น  ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งนับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ

       สำหรับหัวข้อ ข้าวเพื่อสุขภาพ ได้เสนอประโยชน์ของข้าวที่ไม่ได้เป็นเพียงอาหารหลัก แต่ข้าวยังเป็นองค์ประกอบของสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังที่กล่าวว่า “กินข้าวเป็นยา” อาทิ ข้าวไทยมีดัชนีน้ำตาลต่ำ     ดีต่อผู้บริโภคที่เป็นเบาหวาน ข้าวหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะข้าวสี ที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระสูง นอกจากนี้ ข้าวยังเป็นคำตอบสำหรับการบริโภคอาหารของผู้สูงวัย

      ส่วนในประเด็น ข้าวในมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน ( Circular Economy)”  นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า วงจรการผลิตและแปรรูปข้าว สามารถพัฒนาเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้โดยไม่ยากนัก โดยคุณสีเมือง ศรีสมบุตร ชาวนาจากจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเจ้าของเครื่องจักกลการเกษตร อาทิ          รถเกี่ยว รถไถ และเครื่องอัดฟาง  ได้เล่าตัวอย่างของการนำทุกส่วนของข้าวมาสร้างมูลค่าโดยไม่เหลือทิ้ง ตามหลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ การใช้เครื่องอัดก้อนฟางข้าว สร้างมูลค่าของฟาง ไม่เพียงแต่สร้างรายได้เพิ่ม แต่ยังช่วยลดการเผาฟางที่ก่อปัญหา PM 2.5  อีกด้วย คุณสีเมืองกล่าวว่า ”สุขใจที่ได้ทำ ทำแยะ ได้แยะ”

      ขณะที่หัวข้อ “ข้าวเพื่อการท่องเที่ยว  Rice -Tourism”  ซึ่งแสดงให้เห็นรูปแบบของการใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่า ให้วิถีชาวนาไทย โดยการใช้แปลงนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่เป็นธรรมชาติ และปลอดภัย โดยไม่เพียงเป็นแหล่งสร้างรายได้ แต่ยังเป็นสถานที่เรียนรู้ สร้างความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมข้าว และแสดงให้เห็นถึงความสุขที่แท้จริง ของวิถีชาวนา

     และนี่ คือบางข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมการประชุมเวทีข้างไทยสรุปตือ ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม ทำแบบใหม่ ก็จะได้เห็นโอกาสที่ดีกว่าเดิม , ข้าวทำให้ครอบครัวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง สร้างงาน สร้างอาชีพ รายได้,ข้าวคือชีวิตของคนไทยที่แยกกันไม่ออก ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน

      จากการประชุมในเวทีข้าวไทยปีนี้ ที่ได้สะท้อนสถานะปัจจุบันของเศรษฐกิจชุมชน วัฒนธรรม วิถีข้าวและชาวนาที่ต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์โลก โดยนำเสนอตัวอย่างของความก้าวหน้าของวงการข้าว ตั้งแต่การปลูก การบริหารจัดการการผลิต และการทำธุรกิจ ที่ต่อเนื่องจากข้าว สร้างความเชื่อมั่นว่า “อนาคตข้าว เป็นอนาคตของคนไทย และประเทศไทยในทุกมิติ อย่างแท้จริง” ขอเพียงให้คนไทยมีความร่วมแรง ร่วมใจ รวมพลังเป็นหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย และความสุขของคนไทย