อีสท์ เวสท์ ซีด จับมือกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมขับเคลื่อน โครงการ “ ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ทุกครัวเรือนภายใน 90 วัน สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ต้านภัยโควิด-19 “ มอบเมล็ดพันธุ์ “ตราศรแดง” 45,600 ซอง ให้เกษตรกร 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย ประกาศเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารด้วยเมล็ดพันธุ์คุณภาพให้กับประชาชน ยินดีที่จะร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนในโอกาสต่อๆ ไป
วันที่ 8 เมษายน 2563 บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อส่งมอบเมล็ดพันธุ์ตราศรแดงให้กับกรมการพัฒนาชุมชน ภายใต้โครงการ “ ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ทุกครัวเรือนภายใน 90 วัน สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ต้านภัยโควิด-19 “ ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมีนายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไปบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ให้เกียรติร่วมในพิธีลงนาม ณ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด (สำนักงานใหญ่ ) อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน มีวิสัยทัศน์ที่ว่า เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนพึ่งตนเองได้ภายในปี พ.ศ. 2565 เพราะฉะนั้นการจะมีเศรษฐกิจที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่ทุกวันนี้ปัญหาใหญ่ในสังคมที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในขณะนี้ คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด -19 ทำให้ประชาชนต้องป้องกันและดูแลตัวเองในช่วงวิกฤตครั้งนี้
ดังนั้นกรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนำแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักในการส่งเสริมสนับสนุน และดูแลประชาชน เพื่อให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยจัดการส่งเสริมการพัฒนาตนเองของประชาชนเป็น 2 ระดับ คือ ระดับชุมชน และระดับครัวเรือน ซึ่งในระดับครัวเรือนจะเน้นการดูแลตนเอง ไม่มั่วสุม ไม่มุ่งอบายมุข พึ่งพาตนเองได้ ด้วยการส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร จากสถานการณภัยร้ายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ผู้ประกอบการลดการจ้างงาน เกิดการว่างงาน เพราะฉะนั้นการสร้างความมั่นคงทางอาหารจึงมีบทบาทยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันนี้
นอกจากเป็นการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตต้านอาหาร ยังช่วยป้องกันตนเองจากโรคภัยได้อีกทางหนึ่ง บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ ศรแดง เป็นภาคเอกชนที่มีเจตนารมณ์สอดคล้องกัน คือ ต้องการให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข และพร้อมที่จะช่วยเหลือดูแลประชาชน และการมอบเมล็ดพันธุ์ให้กับประชาชนถือเป็นกำลังใจที่สำคัญให้ประชาชนได้สร้างการดูแลตนเองและครอบครัว ด้วยการใช้ที่ดินของตนเองให้เป็นประโยชน์ ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ไว้รับประทานเอง และพืชผักสวนครัวนี้เอง จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่จะช่วยสร้างยาวิเศษให้กับครอบครัว ด้วยการมีผักปลอดสารพิษรับประทานเองในครัวเรือน
ด้านนายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด กล่าวถึงการร่วมมือกับภาครัฐ ครั้งนี้ว่า ทางบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์เคียงข้างเกษตรกรมาเกือบ 40 ปี มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และยังเป็นอันดับ 1 ของเอเชียอีกด้วย เมล็ดพันธุ์ถือเป็นต้นน้ำของห่วงโช่อาหาร ทางบริษัทจึงหยุดการผลิตไม่ได้แม้จะเกิดวิกฤตโควิด เพื่อจะได้จัดส่งเมล็ดพันธุ์คุณภาพถึงเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
“ก่อนหน้านี้ เราจัดให้มีโครงการ ความสุขปลูกได้ ด้วยการส่งเสริมให้ครอบครัวมีกิจกรรมปลูกผักกินเอง เพื่อให้เกิดความสุขแก่ประชาชน ซึ่งกิจกรรมนี้ มีความมุ่งหวังและมุ่งมั่นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และบริษัท ฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือกับภาครัฐที่จะดูแลประชาชน เพื่อประชาชน โดยขอมอบเมล็ดพันธุ์ผัก จำนวน 45,600 ซอง เพื่อให้กรมการพัฒนาชุมชนได้ส่งมอบถึงมือประชาชนทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย และ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด ยินดีสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารด้วยเมล็ดพันธุ์คุณภาพให้กับประชาชนร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนในโอกาสต่อๆ ไป” นายวิชัย กล่าว
ขณะที่นายอิสระ วงศ์อินทร์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเมล็ดพันธุ์ที่คัดสรรมอบให้แล้วกรมพัฒนาชุมชนแล้ว ทาง บริษัทฯยังมีเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่ ทำหน้าที่สนับสนุนองค์ความรู้ในการปลูกผักให้กับเกษตรกร หากกรมการพัฒนาชุมชนมีกลุ่มเกษตรกรต้องการพี่เลี้ยงช่วยให้ความรู้ เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ในช่วงเวลานี้ที่เกิดภาวะวิกฤตโควิด-19 ทางบริษัท ฯ จึงเน้นในเรื่องการสร้างความปลอดภัยด้านอาหาร ตลอดจนความปลอดภัยของครัวเรือนบริเวณรอบ ๆ บริษัท ทั้งเรื่องหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สนับสนุนได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังในการดูแลประชาชน
อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือดูแลประชาชน จะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ยิ่ง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนที่ต้องเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันตนเองให้พึ่งพาตนเอง ดังคำกล่าวที่ว่า “เดินไปด้วยกันเดินไปได้ไกล” ร่วมสร้างความมั่นคงในชีวิต เริ่มจากการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการ “ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้”
ดังนั้น การลงนาม MOU ในครั้งนี้เป็นกรอบความร่วมมือสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนชาวไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ได้รับโภชนาการที่ดีและครบถ้วน รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับทุกครัวเรือน ทำให้พอมี พอกิน พอใช้ พึ่งพาตนเองได้