บทพิสูจน์ นำระบบ KAS ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เกษตรกรยืนยันลดต้นทุน เพิ่มผลิต คุณภาพชีวิตดีขึ้นชัดเจน

  •  
  •  
  •  
  •  

ดลมนัส กาเจ

        หากย้อนไปเพียง 5 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์บ้านตอนิมิต ต.ร่องกาด อ.สูงเม่น จ.แพร่ จะมีความแตกต่างไปจากเกษตรชาวนาส่วนใหญ่ทั่วไปตรงที่ว่า ปลูกข้าวเพื่อผลิตเมล็ดข้าว แทนที่จะปลูกข้าวส่งขายให้โรงสี แต่วิธีการดำเนินชีวิตและวิธีการเพาะปลูกเหมือนกัน ซึ่งมีปัญหามากมายเหมือนกัน ทั้งขาดแรงงาน ต้นทุนสูง ผลผลิตน้อย ด้อยคุณภาพ ขายได้แทบจะไม่คุ้มทุน แต่หลังจากที่บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าไปยื่นมือช่วยเหลือภายใต้“โครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า”  หรือ SIAM KUBOTA Community Enterprise (SKCE)ด้วยการนำระบบ KAS หรือเกษตรครบวงจร(KUBOTA (Agri) Solutions)มาใช้ตั้งแต่ปี 2559 พบว่า ต้นทุนการผลิตลดลงมาก ผลผลิตได้คุณภาพและเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้มากขึ้นตามมา  

        ที่จริงทางบริษัท สยามคูโบต้าฯ สนัสนุนเกษตรกรให้ทำนาด้วยระบบ KAS หรือเกษตรครบวงจร มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2554 โดยที่สยามคูโบต้ามุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง จึงเกิดเป็น “โครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า”  หรือ SIAM KUBOTA Community Enterprise (SKCE) โดยคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรที่มีการบริหารจัดการกลุ่มอย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีการทำงานร่วมกันระหว่างสยามคูโบต้ากับกลุ่มเกษตรกร นำไปสู่การช่วยเกษตรกรลดต้นทุน  เพิ่มผลผลิตในการทำการเกษตร  ส่งเสริมให้ชุมชนมีความอยู่ดีกินดี และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

     บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด นำโดย นางสาวณัฐกมล ลักขณาวราภรณ์ ผู้จัดการส่วนอาวุโส-สื่อสารองค์กร (ที่ 3 จากขวา) ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านตอนิมิตร โดย นายสุนทร จำรูญ ประธานกลุ่มตอนิมิตร (ที่ 2 จากขวา) เปิดศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ตอนิมิตร แห่งแรกในภาคเหนือ

         โครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า เน้นส่งเสริมกิจกรรมใน 3 ด้าน คือ ด้านการเกษตร ด้านการตลาดและการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้วยและและล่าสุดได้ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านตอนิมิตร ตั้ง “ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ตอนิมิตร” แห่งแรกในภาคเหนือให้เป็น “ชุมชนต้นแบบ ด้านการเกษตรอย่างยั่งยืน ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย ส่งผลให้มีความโดดเด่นด้านมาตรฐานการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพในระดับประเทศ และศูนย์แห่งนี้ได้เปิดเป็นทางการแล้ว

         ด.ต.สุนทร จำรูญ ประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ตอนิมิตร เล่าว่า วิถีชีวิตของชาวบ้านตอนิมิตร ทำการเกษตรแบบตามๆกันมาตั้งแต่บรรบุรุษ ระยะหลังประสบปัญหามากมายโดยเฉพาะแรงงานที่จะจ้างทั้งไถ่นา ดำนำ ดูแลเก็บเกี่ยว แมลงศัตรูพืช ต้องอาศัยสารเคมีและสิ่งที่ตามมาคือต้นทุนการผลิตสูง แต่ผลผลิตน้อย บางปีก็ขาดทุน ตอนหลังหันมาปลูกข้าวเน้นผลิตเมล็ดพันธุ์พันธุ์ส่งขายให้กับกรมการข้าว แต่กรมการข้าวรับในปริมาณที่จำกัด

      ในปี 2550 จึงจดทะเบียนตั้งกลุ่มเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์บ้านตอนิมิต มีสมาชิก 50 คน และขยับฐานะเป็นวิสาหกิจชุมชน ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวส่วนหนึ่งส่งให้กรมการข้าว และอีกส่วนหนึ่งขายให้เกษตรกรในพื้นที่ โดยทำนาปี และหลังทำนาสมาชิกส่วนหนึ่งปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ บางคนปลูกถั่วเหลือง และผักปลอดภัย กระทั่งปี 2559 ทางสยามคูโบต้ายื่นมือให้การสนับสนุนให้ความรู้ในการทำนาด้วยระบบ KAS  ให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกตั้งแต่ต้นน้ำ ปลายน้ำ กลางน้ำ คือตั้งเตรียมดิน วิเคราะห็เพื่อใส่ปุ๋ยตามที่พืชต้องการ อบรมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วยเครื่องจักรการเกษตรตั้งแต่ไถ่ดิน ดำนา การดูแล เก็บเกี่ยว การตลาดที่ชัดเจนแล้ว ทำให้เกษตรกรตาสว่าง หันมาทำนาแบบสมัยใหม่ สิ่งที่ตามคือลดต้นทุนจริง ผลผลิตเพิ่มขึ้น กำไรมากขึ้น

       “พูดกันง่ายๆตอนนี้ชุมชนของเราเข้มแข็งขึ้น หลังจากได้เรียนรู้เทคนิค และวิธีการทำเกษตรสมัยใหม่ จนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทางศูนย์เรามีรถแทรกเตอร์ รถดำนา รถเก็บเกี่ยวของคูโบต้า เราบริหารในรูปแบบของกลุ่ม ทำให้เดิมทีการทำนาเราจะลงทุนตกไร่ละ 6,000-7,000 กำไรแทบไม่มี ตอนนี้ต้นทุนเหลือเพียงไร่ 4,000-5,000 มีกำไรไร่ละ 4,500-5,000 บาท ผลผลิตจากเดิมไร่ละราว 450 กก. ตอนนี้ข้าวหอมมะลิ 105 ได้ไร่ละ 600 กก.ขายในราคา กก.ละ 21 บาทขณะที่ขายโรงสี กก.ละ 12 บาท เมล็ดข้าวโพดขาย กก.ละ 13 บาท โรงงานรับซื้อ กก.ละ 5 บาท ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรทุกคนดีขึ้น”  ด.ต.สุทร กล่าว (รายละเอียดตามในคลิป)   

                                                                               ยุทธพิชัย รู้พูด

        ด้านนายยุทธพิชัย รู้พูด เจ้าหน้าที่ส่งเสริมนำระบบ KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกว่า หลังที่เข้าให้ความรู้ด้านในการทำเกษตรสมัยใหม้โดยเฉพาะการทำนาด้วยระ KAS เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่พบเห็นชัดเจนคือลดต้นทุนได้ 21% จากการใส่ปุ๋ยตามค่าของการวิเคราะห์ดิน หรือปุ๋ยสังตัด ลดจากการใช้สารเคมี และใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 5% รายได้เพิ่มมากอย่างเห็นชัดเจน