ความจริง“พาราควอต”ในไทย ซื้อ 1 ใช้ 4 ประเทศ เกษตรกรเช่าที่จะซื้อได้อย่างไร?

  •  
  •  
  •  
  •  

ดลมนัส กาเจ

          ในที่สุดความขัดแย้งในเชิงความคิดเกี่ยวกับสารเคมีเพื่อการเกษตร 3 ชนิด “พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส” ฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการแบนตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข และอีกฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะเกษตรกรที่มีการใช้มาอย่างต่อเนื่องคัดค้านให้รัฐบาลอนุญาตให้ใช้เหมือนเดิมนั้นได้ยุติลงแล้ว หลังจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้ผ่อนปรนให้ใช้สารเคมีทั้ง 3 ได้ แต่มีเงื่อนไขคือต้องไปขออนุญาตเพื่อใช้สารเคมีเหล่านี้ตามพื้นที่และปริมาณที่กำหนดโดยตรงต่อกรมวิชาการเกษตร

        โดยที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเกษตรกรผู้ใช้ ผู้รับจ้างพ่น ผู้ขาย ผู้นำเข้า/ผู้ผลิต และพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการคือต้องผ่านการอบรม ตามเงื่อนไข ส่งผลให้ที่ผ่านมา สารเคมีเกษตรเหล่านี้โดยเฉพาะพาราควอตราคาพุ่งขึ้นเท่าตัว เพราะมีพ่อค้าส่วนหนึ่งมีการกักตุนไว้ตั้งมีการเสนอให้แบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

        อย่างไรก็ตาม ตามเงื่อนไขของกรมวิชาการเกษตรนั้น ทำให้เกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่เดียวที่เกิดอาการอึดอัดใจ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไร้ที่ทำกิน และต้องเช่าพื้นของนายทุนมาทำการเกษตรที่พบเห็นคือการทำไร่อ้อย นาข้าว รวมถึงข้าวโพดด้วย ซึ่งเกษตรกรกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิซื้อสารเคมีเกษตรทั้ง 3 ชนิดนี้ได้ เนื่องจากไม่มรีที่ดินเป็นของตนเองจึงไม่มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไม่สามารถซื้อสารเคมีเหล่านี้ได้ จึงจำเป็นต้องหาซื้อด้วยวิธีอื่นนั่นคือ ตลาดใต้ดินนั่นเอง ดั่งที่สารเคมีอีกจำนวนไม่น้อยที่รัฐบาลห้ามนำเข้าแต่มีการใช้อย่างกว้างในหมู่เกษตรกรและที่พบมากที่สุดคือสารกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรงและเป็นสารก่อมะเร็งที่มีระดับพิษรุนแรงมากเป็นพิเศษ (Ia) อย่าง คาร์โบฟูราน (Carbofuran) หรือที่รู้จักในนาม “ฟูราดาน” และอื่นๆอีกจำนวนมาก

       ที่สำคัญยิ่ง ตามข้อมูลระบุว่า ในปี 2560 ไทยนำเข้าสารพาราควอต 44,501 ตัน มูลค่า 3,816 ล้านบาท เป็นมูลค่าสูงเป็นอันดับหนึ่งของวัตถุอันตรายที่นำเข้ามาในไทย ตามด้วยสารไกลโฟเซต ที่ไทยนำเข้า 59,852 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3,283 ล้านบาทนั้น ความจริง เกษตรกรผู้คร่ำหวอดในวงการเกษตรทั้งเชิงเดียว (ไร่อ้อย) เกษตรปลอดภัย อย่าง นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี และแกนนำที่เรียกร้องให้รัฐบาลชะลอการแบน 3 สารเคมีเกษตรก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า ตัวเลขที่ไทยนำเข้าพาราควอตและไกลโฟเซต สูงนั้นเนื่องจากว่า ประเทศไทยนำเข้าประเทศเดียว แต่ใช้ใน 4 ประเทศเพื่อนบ้านที่ห้ามนำเข้าสารเคมีเหล่านี้ แต่มาซื้อแบบลับๆจากพ่อค้าคนไทย หากมีการจำกัดตามมติของ คณะกรรมการวัตถุอัยตราย จะทำให้พาราคาควอตต้องขาดตลาด และจะเกิดตลาดมืดเหมือนกับูราดาน ที่มีราคาแพงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย (รายละเอียดในคลิป)