“อ.ยักษ์” ประกาศนำร่องจัดทัพสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืนที่ยโสธร พร้อมมอบธงในพื้นที่ปลอดสารพาราควอต และมอบใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ยโสธรขั้นพื้นฐาน -มาตรฐานการตรวจรับรองแบบมีส่วนร่วมรวม 45 ราย หลังเปิดโอกาสให้ชาวบ้านในพื้นที่จัดเวทีร่วมแสดงความคิดเห็นในร่างมติสมัชชาฯ หนุนบูรณาการให้ทุกภาคส่วนร่วมเชื่อมโยงผลิตอาหารปลอดภัย
วันที่ 28 มีนาคม 2562 นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานการจัดสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดยโสธร และมอบใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ยโสธรขั้นพื้นฐาน Yasothon Basic Organic Standard (Yaso BOS) ให้แก่เกษตรกรที่ผ่านการรับรอง จำนวน 18 ราย และใบรับรองมาตรฐานการตรวจรับรองแบบมีส่วนร่วม Particiaptory Guarantee System (PGS) จำนวน 27 ราย และมอบธงในพื้นที่ปลอดสารพาราควอต ณ วัดสิริมงคล (วัดป่าบ้านคำครตา) บ้านคำครตา ตำบลดงมะไฟ อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า เกษตรกรรมยั่งยืนเป็นระบบการทำการเกษตรในเชิงผสมผสานและเกื้อกูลกัน คำนึงถึงระบบนิเวศน์และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยหลีกเลี่ยงและปฏิเสธการใช้สารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความมั่นคงและความปลอดภัยด้านอาหาร นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง ทำให้ระบบเกษตรกรรมมีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยจังหวัดยโสธร เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องที่มุ่งขับเคลื่อนระบบเกษตรกรรมยั่งยืน และส่งเสริมการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นจังหวัดที่มียุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ มีเป้าหมายในการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองเกษตรอินทรีย์ที่ชัดเจน ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคเกษตรกร มีการจัดเวทีเสวนาร่วมกันทั้งในระดับพื้นที่ ระดับจังหวัด เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นให้เกษตรกรมีการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สำหรับ “การจัดสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืน” ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจกระบวนการสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืน ในการเสนอร่างมติสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดยโสธร นำไปสู่การส่งเสริมและพัฒนาต่อไป โดยในวันนี้ได้รับฟังการเสนอความคิดเห็นในร่างมติสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืน จากตัวแทนภาคีเครือข่ายและชาวบ้าน ประกอบด้วย 10 ข้อ ดังนี้
1. สนับสนุนการบูรณาการ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้มีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายในการผลักดันเกษตรกรรมยั่งยืนทุกระดับ เช่น การบรรจุหลักสูตรเกษตรกรรมยั่งยืนในโรงเรียนและสถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้มีการจัดงานสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับจังหวัดอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง (2)ให้องค์กรปกครองส่วนทองถิ่นมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน โดนเน้นการมีส่วนร่วมและการบูรณาการทุกภาคส่วน และทุกหน่วยงานในพื้นที่
3. ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน สนับสนุนการสร้างกระบวนการเรียนรู้ เพื่อปรับแนวคิด ทัศนคติต่อระบบเกษตรกรรม พัฒนาความรู้ เทคนิค ทักษะในการทำเกษตรกรรมยั่งยืนอย่างครบวงจรให้เกษตรกรรุ่นเก่า เกษตรกรรุ่นใหม่ และสร้างต้นแบบเกษตรกรรมยั่งยืน (4) ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน สนับสนุนให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ในด้านปัจจัยการผลิตที่เอื้อต่อระบบเกษตรกรรมยั่งยืน เช่น ที่ดิน น้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น
5.ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน สนับสนุนโอกาส ช่องทาง ข้อมูลมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และพื้นที่ทางการตลาดสินค้าเกษตรกรรมยั่งยืนที่หลากหลาย เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และตลาดออนไลน์ (6) ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน สนับสนุนการจัดทำฐานข้อมูลการผลิต และการจำหน่ายเกษตรกรรมยั่งยืนแบบบูรณาการ เพื่อกำหนดนโยบายและวางแผนการสนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืน (7) ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน สนับสนุนการศึกษาวิจัยนวัตกรรมเกี่ยวเกษตรกรรมยั่งยืนอย่างครบวงจร เพื่อสื่อสารให้เกิดการรับรู้ เกิดแรงจูงใจ และความตระหนักต่อการขยายผลเกษตรกรรมยั่งยืน
8. ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน สนับสนุนให้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจเรื่องระบบเกษตรกรรมยั่งยืนและอาหารปลอดภัย จากนั้นสนับสนุนให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้บริโภคเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการเชื่อมโยงการผลิตอาหารที่ปลอดภัย (9)ให้มีนโยบายหรือแนวทางการป้องกันปัจจัยเสี่ยง และภัยคุกคามที่มีต่อระบบเกษตรกรรมยั่งยืนระดับท้องถิ่น และระดับจังหวัด เช่น การใช้สารเคมีที่มีอันตรายร้ายแรงในการเกษตร การปลูกพืชอุตสาหกรรมเชิงเดี่ยว เป็นต้น และ (10) ให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะว่าด้วยระบบเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดยโสธร อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ทั้งนี้ ข้อเสนอในมติสมัชชาฯดังกล่าว จะนำไปเป็นแนวทางสู่การปฏิบัติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
“นโยบายที่ดีที่สุด คือ นโยบายแบบมีส่วนร่วมที่มาจากเสียงของประชาชนในพื้นที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่าย ดังเช่นที่ชาวบ้านมาร่วมแสดงความคิดเห็นในมติสมัชชาเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดยโสธรในวันนี้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมาร่วมรับฟัง นับเป็นจังหวัดนำร่องให้แก่จังหวัดอื่นๆ นำไปเป็นแบบอย่างในเรื่องความสามัคคี ที่ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อทำเกษตรกรรมยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับสภาพภูมิศาตร์และสังคมโดยจะมีการส่งเสริมให้ขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป” นายวิวัฒน์ กล่าว