สภาเกษตรกรฯตั้งคณะทำงาน เป็นพี่เลี้ยงให้เกษตรกรที่จะปลูก”กัญชา”

  •  
  •  
  •  
  •  

สภาเกษตรกรฯเตรียมตั้งคณะทำงาน หวังเป็นพี่เลี้ยงและกระจายข่าวเรื่องกัญชา ให้เข้าถึงเกษตรกรให้ได้มากที่สุด หลัง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับใหม่ เปิดทางให้ใช้พืชกัญชา–กระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 แนะเกษตรกรที่รักษาป่วยอยู่ขึ้นทะเบียนภายใน้ 30 วัน เสนอโครงการ 60 วัน หากพ้น 90 วัน จะผิด กม.ทันที

          นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับใหม่เปิดทางให้ใช้พืชกัญชา–กระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562

        ในฐานะตัวแทนเกษตรกรรู้สึกยินดี ชื่นชมและมีความสุขที่รัฐบาลเข้าใจ แล้วนำปัญหาที่หมักหมมมาช้านานไปปรับปรุงแก้ไข “กัญชา” แม้เป็นยาแต่ยังคงเป็นยาเสพติดประเภท 5 อยู่ แต่กฎหมายเปิดทางให้นำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ สิ่งที่กังวัลใจอย่างมากคือขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ทราบกันอยู่ว่าเกษตรกรบ้านเราส่วนใหญ่เพาะปลูกอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎ ระเบียบ กติกา หรือว่าขั้นตอนในการทำงานของภาคราชการเท่าใดนัก หากปล่อยให้เกษตรกรเตรียมดำเนินการเองก็มั่นใจว่าจะไม่มีเกษตรกรเครือข่ายไหนได้รับการพิจารณาเลย ภาคราชการจึงไม่ควรวางขั้นตอนซับซ้อนมากเกินไป ขอให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นหลักก็พอแล้ว

          “ แนวโน้มกฎกระทรวงเท่าที่อ่านตามหน้าข่าว ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะทำงานยาก อาทิเช่น เกษตรกรในเครือข่ายที่รักษาผู้ป่วยอยู่ ทั้งหมดหากเอกสารผิดหรือไม่ครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ทั้งหมดจะผิดกฎหมาย วัตถุดิบ อุปกรณ์ในการสกัดกัญชาทั้งหมดก็จะถูกทำลายทิ้งนั่นคือสิ่งที่เป็นห่วงมาก ภาคราชการไม่ควรใช้กฎระเบียบหยุมหยิมจนลืมเจตนารมณ์ของกฎหมายไป ” นายประพัฒน์ กล่าว

          ประธานสภาเกษตรกรฯ กล่าวอีกว่า ด้วยคำนึงถึงความซับซ้อนขั้นตอนการขึ้นทะเบียนสภาเกษตรกรแห่งชาติจึงจะตั้งคณะทำงานเล็กๆขึ้นมาเพื่อเป็นพี่เลี้ยงและกระจายข่าวให้เข้าถึงเกษตรกรให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งจะเข้าประสานมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตกรรมศาสตร์ เป็นต้น ตามที่กฎหมายกำหนด ภาคกลางจะประสานมหาวิทยาลัยรังสิต โดยในวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10.00 น. จะเข้าพบ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี  ส่วนในภาคเหนือจะเข้าประสานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคอีสานมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาคใต้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อไป

          ดังนั้นจึงขอแนะนำเกษตรกรที่รักษาตนเอง ญาติพี่น้องและเครือข่ายด้วยพืชกัญชาอยู่ใช้เวลานี้รีบทำเอกสารประวัติของผู้ป่วยบันทึกเป็นทางการแล้วจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยรวมตัวกัน 7 คนขึ้นไปแล้วไปที่เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอหรือกรมส่งเสริมการเกษตร แล้วเข้าไปหารือกับส่วนราชการเช่น อบต. อบจ. หรือหน่วยราชการของรัฐต่างๆ พร้อมกับสถาบันการศึกษาที่มีคณะแพทย์ศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ เพื่อที่จะเตรียมการทำโครงการเสนอ โดยต้องพยายามขึ้นทะเบียนให้เสร็จภายใน 30 วัน อีก 60 วันสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ เช่น จัดสัมมนา พบปะ พูดคุยทำให้เข้าหลักเกณฑ์ ถูกต้องตามระเบียบราชการ

          ส่วนราชการต้องการเอกสารอะไรต้องปฏิบัติตามนั้น ต้องการให้มีแพทย์แผนปัจจุบันเป็นพี่เลี้ยงดูแล เก็บเอกสาร คอยชี้แนะการรักษาก็จะได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการได้ทันที หากไม่เสร็จสิ้นหลังจาก 90 วันไปแล้วจะกลายเป็นบุคคลผิดกฎหมายเช่นเดิม ซึ่งการผิดกฎหมายครั้งนี้จะเปิดเผยหน้าและตัวตน ด้วยเพราะทั้งหมดได้จดทะเบียนไว้แล้ว อาจจะถูกจับกุมดำเนินคดีได้