“ลักษณ์”นำทีม ไปเยี่ยมชม ศพก.ชะอำ ต้นแบบพลิกสวนเกษตรเชิงเดียว สู่ทำการเกษตรแบบผสมผสาน เน้นปลูกพืชหลายหลาย ลดการใช้สารเคมี ขณะที่ “เพชรริเวอร์วิว รีสอร์ท” เนรมิตทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ภายใต้โครงการ “เกาะเกษตรอินทรีย์ Organic Island by Suanphet”
นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ณ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรตำบลนายาง อำเภอชะอา จัดตั้งขึ้นเพื่อลดปัญหาการทำเกษตรในพื้นที่ของอำเภอชะอำที่เป็นลักษณะการทำการเกษตรเชิงเดี่ยว การผลิตที่มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และการเน้นผลผลิตต่อไร่สูงสุด ทำให้เกิดปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและผลผลิตราคาตกต่ำ จึงมีแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชหลายหลายชนิด ลดการใช้สารเคมีป้องกันโรคและแมลง โดยมีหลักสูตรการเรียนรู้และฐานการเรียนรู้ในการเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต และการพัฒนาคุณภาพของผลผลิต
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเป้าหมายในการดำเนินงาน ศพก. จ.เพชรบุรี ประเภทศูนย์หลัก จำนวน 8 ศูนย์ และประเภทศูนย์เครือข่ายจำนวน 102 ศูนย์ ครอบคลุมทุกด้าน ได้แก่ ด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ บัญชีสหกรณ์ ปฏิรูปที่ดิน ดินและปุ๋ย และด้านเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งศูนย์ ศพก. ดังกล่าว มีความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ด้านการเกษตรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี สามารถแนะนำความรู้และมีตัวอย่างการเกษตรในแปลงของ ศพก. ให้เกษตรกรได้เรียนรู้ รวมทั้งยังเป็นศูนย์ประสานงานด้านการเกษตรด้วย ทำให้เกษตรกรที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้และเป็นสถานที่ดูงาน จัดฝึกอบรม ในระดับจังหวัดได้อีกแห่งหนึ่ง
[adrotate banner=”3″]
จากนั้น ได้เดินทางไปสวนเพชรริเวอร์วิว รีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่พักในลักษณะท่องเที่ยวเชิงเกษตร ภายใต้โครงการ “เกาะเกษตรอินทรีย์ Organic Island by Suanphet” มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แนวธรรมชาติให้แก่ผู้ที่สนใจ เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีเรื่องการปลูกและการบริโภคพืชผักอินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เองในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพร่างกายที่ดีของคนไทย เพื่อนำแนวทางทฤษฎีใหม่ การดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ชุมชน ท้องถิ่น สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ อยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียนกัน และเป็นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชน กระจายรายได้สู่สังคมให้มีงานทำ และเป็นการสำนึกรักบ้านเกิดอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเกิดการท่องเที่ยวแนว Agro Tourism หรือ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งในปัจจุบันกระแสการท่องเที่ยวของกลุ่มคนที่รักธรรมชาติและรักสุขภาพขยายตัวมากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงเกษตรจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่โหยหาความเป็นธรรมชาติ ทั้งกลุ่มคนรักสุขภาพ กลุ่มครอบครัวที่อยากพาลูกหลานมาสัมผัสกับวิถีเกษตร สัมผัสธรรมชาติที่ไร้สารปรุงแต่ง รวมไปถึงกลุ่มศึกษาดูงานด้านการทำการเกษตร มีฐานกิจกรรมให้ความรู้ด้านการปลูกพืชอินทรีย์แบบครบวงจร พร้อมเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวเรียนรู้วิธีการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มเตรียมดิน การปลูก การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร การทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมักจุลินทรีย์ตามธรรมชาติขึ้นมาใช้เองแบบสะดวก ง่าย ปลอดภัย สามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน