“ลักษณ์”บอก กำหนดแล้วทำนาปี 58 ล้านไร่

  •  
  •  
  •  
  •  

กระทรวงเกษตรฯ กำหนดแผนสนับสนุนทำนาปีปีนี้ 58 ล้านไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 23 – 25 ล้านตัน ขณะที่นาปรังลดลง 2 ล้านไร่ เน้นสนับสนุนการปลูกพืชหลังนาที่ตลาดต้องการ เพื่อสร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกร

นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว ได้ดำเนินโครงการข้าวครบวงจร ภายใต้นโยบายที่ได้รับมอบจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งในปี้นี้ได้มีการวางแผนว่ากระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนการปลูกข้าวรอบที่ 1 (ข้าวนาปี) จำนวนทั้งสิ้น 58 ล้านไร่เศษ คาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 23 – 25 ล้านตัน ซึ่งต้องรอการประเมินขั้นสุดท้ายในเดือนตุลาคมอีกรอบโดยกรมการข้าว กระทรวงพาณิชย์ และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในช่วงของข้าวนาปีสามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี

อย่างไรก็ตามอาจมีปัญหาที่ได้รับรายงานบ้าง เช่น ภาวะฝนทิ้งช่วง หรือภาวะแล้งในบางพื้นที่ โดยเฉพาะทางภาคอีสานตอนใต้ จะมีผลกระทบต่อผลผลิตข้าวหอมมะลิในบางส่วน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้มีการเก็บเกี่ยวข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น พื้นที่ลุ่มน้ำบางระกำ และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอีก 12 แห่ง ซึ่งเกษตรกรกำลังทยอยเก็บเกี่ยวข้าว โดยขณะนี้กรมชลประทานได้มีการปล่อยน้ำเข้าไปในทุ่งบางระกำ เพื่อหน่วงน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง กระทรวงเกษตรฯ จึงจะส่งเสริมอาชีพทางด้านการประมงต่อไป

[adrotate banner=”3″]

นอกจากนี้ หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการการทำงาน โดยจะสนับสนุนให้มีการปลูกพืชให้มีความหลากหลาย ได้มีการทำ Zoning by Agri map พบว่าในบางพื้นที่เป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว จะสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน และหลังจากการทำนาจะมีโครงการที่สำคัญของกระทรวงเกษตรฯ เช่น การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา การสนับสนุนให้เกษตรกรพัฒนาคุณภาพดินด้วยการปลูกพืชปุ๋ยสด และการสนับสนุนให้ปลูกพืชชนิดอื่นหลังการทำนา เช่น พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดหวังว่าฤดูกาลทำนารอบที่ 2 (ข้าวนาปรัง) ที่จะเริ่มในช่วงปลายปี จะมีเกษตรกรปรับลดพื้นที่ จากพื้นที่จำนวน 12.2 ล้านไร่ ลดลงมาประมาณ 2 ล้านไร่ จะทำให้เกิดการสมดุลระหว่างอุปสงค์-อุปทานข้าวเปลือก และไม่กดดันในเรื่องราคา ขณะเดียวกันจะได้ผลผลิตทางการเกษตรอย่างอื่น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ยังมีความต้องการวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์เป็นจำนวนมาก และจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่อไป