“เกษตรกรไทยชอบปลูกพืชผักที่ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก ฟักทองเลยกลายเป็นพืชที่เกษตรกรนิยมปลูก แต่เมล็ดพันธุ์ที่มีในบ้านเราเป็นพันธุ์ลูกผสม ปลูกได้หนเดียวไม ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ได้ กลายเป็นต้นทุนที่เกษตรกรไม่อาจหลีกหนีได้”
ผศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.ลำปาง เผยถึงที่มาของการคิดปรับปรุงฟักทองพันธุ์ใหม่…พันธุ์โอโตะ
จากการสังเกตพฤติกรรมเกษตรกรใน จ.ลำปาง หลังหมดหน้านามักจะปล่อยพื้นที่ว่าง ดร.จานุลักษณ์ จึงคิดหาพืชผักที่ปลูกส่งเสริมชาวบ้านสร้างรายได้ มุ่งไปที่ฟักทองเพราะปลูกง่าย ตรงกับนิสัยเกษตรกรไทยที่เลือกปลูกพืชที่ดูแลง่าย ปลูกทิ้งขว้างปล่อยให้เทวดาฝนฟ้าดูแล เลยชักชวนชาวบ้านให้ปลูกฟักทอง
“เริ่มแรกปรับพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกฟักทองตั้งความหวังว่าถึงเวลาเก็บผลให้ได้เงินก้อน ชาวบ้านเห็นเดี๋ยวก็ทำตาม แต่ถึงเวลาฟักทองที่ปลูกให้ผลผลิตเก็บไม่ถึง 10 ลูก สาเหตุเพราะช่วงที่ฟักทองออกดอกตรงกับต้นฤดูฝน ช่วงเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืน ฟักทองให้ดอกตัวผู้มากกว่าดอกตัวเมีย การติดผลเลยน้อย แม้ขนาดของผลจะใหญ่ก็ตามแต่เนื้อร่วน รสจืด สีเนื้อซีด ไม่ถูกปากผู้บริโภค”
จุดนี้เลยกลายโจทย์ให้ ดร.จานุลักษณ์ พัฒนาพันธุ์ฟักทองให้ปลูกได้ตลอดทั้งปี ให้ผลผลิตตรงกับความต้องการของตลาดทั้งสีเหลืองสด รสชาติหวาน เปลือกบาง สามารถเก็บเมล็ดให้เกษตรกรใช้ทำพันธุ์ในรุ่นต่อไปได้ด้วย เริ่มจากนำพันธุ์ฟักทองที่ผ่านการเลือกพันธุกรรมอย่างหลากหลาย นำมาปรับปรุงผสมข้ามกับพันธุ์พื้นเมือง คัดต้นที่ให้ผลผลิตดีตรงกับโจทย์ที่ตั้งไว้ ทำซ้ำๆ 6 ชั่วรุ่นนาน 4 ปี กระทั่งได้ฟักทองที่มีขนาดผลละ 3-4 กก. เปลือกบาง ผิวผลขรุขระ เนื้อหนาสีเหลืองเข้ม นำไปนึ่งให้สุกเนื้อฟักทองมีรสชาติหวาน ตรงกับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย และยังมีความทนทานต่อโรคราแป้งอีกด้วย
และเมื่อทีมวิจัยนำไปปลูกทดสอบในพื้นที่ลพบุรี สุรินทร์ และลำปาง ปรากฏว่าได้ผลผลิต 3-5 ตันต่อไร่ หลังพัฒนาสายพันธุ์เป็นผลสำเร็จ ได้ทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อว่า ‘โอโตะ’
ผศ.ดร.จานุลักษณ์ แจกแจงถึงที่มาของชื่อ “โอโตะ”…เพื่อระลึกถึง นายโมโตนางา โอโตะ ชาวญี่ปุ่น อดีตข้าราชการองค์กรพัฒนาการเกษตรระหว่างประเทศ ที่เข้ามาถวายงานรับใช้นานหลายปี หลังเสียชีวิตได้ทำพินัยกรรมยกมรดกของตัวเองทูลเกล้าฯถวายเพื่อใช้ในกิจการส่วนพระองค์ พัฒนาการปรับปรุงพันธุ์พืช.
ที่มา:ไทยรัฐออนไลน์ : โดย…เพ็ญพิชญา เตียว : อ่านเพิ่มเติม : https://www.thairath.co.th/content/1373863