อเมริกาตีท้ายครัวข้าวหอมมะลิไทย พาณิชย์ดัน กข.43 ตัวโก่งเจาะสุขภาพ

  •  
  •  
  •  
  •  


น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ พัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์และอาจเป็นคู่แข่งของไทยในตลาดสหรัฐฯว่า กระทรวงฯ ได้ติดตามและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายข้าวในสหรัฐฯแล้ว ทราบว่ามีเพียงสายพันธุ์เดียวที่สหรัฐฯ นำมาทดลองตลาด เป็นข้าวพื้นนุ่ม มีกลิ่นหอม แต่ข้าวดังกล่าวยังไม่เป็นที่รู้จักและวางจำหน่ายในตลาดทั่วไป ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีผลอย่างไร ตลาดยอมรับหรือไม่ ซึ่งระยะสั้น ไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทย แต่ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ ปัจจุบันข้าวหอมมะลิไทยยังคงเป็นที่ต้องการและนิยมในตลาดสหรัฐฯ แต่ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ข้าวหอมจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งมีราคาถูกกว่าเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ยังมั่นใจว่าผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญด้านคุณภาพมาตรฐานของข้าวหอมมะลิไทย จะยังคงเลือกซื้อข้าวจากไทยเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯจะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาคุณภาพและมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย รวมทั้งพัฒนาข้าวหอมมะลิ และข้าวพื้นนิ่มสายพันธุ์ใหม่ๆที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ขณะเดียวกันจะร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กำหนดแนวทางสร้างการรับรู้และความแตกต่างระหว่างข้าวหอมมะลิไทยกับข้าวหอมจากประเทศคู่แข่ง และผลักดันข้าวหอมชนิดรองของไทยที่มีราคาถูกว่าเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ จะประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทยในตลาดสหรัฐฯ เพื่อรักษาตลาด และจะเร่งขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ เช่น กลุ่มฮิสแปนิก (เชื้อสายสเปน), กลุ่มโฮเรกา (ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง) โดยจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติสำคัญ เช่น งาน Natural Expo West การหาพันธมิตรทางการค้า และการจัดกิจกรรม Instore Promotion ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และโรงแรม เป็นต้น

“กระทรวงฯยังจะเร่งขยายตลาดข้าวชนิดใหม่ๆ ในตลาดสหรัฐฯ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าว กข 43 โดยข้าวไรซ์เบอร์รี่ ปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น และกำลังทำแผนประชาสัมพันธ์ข้าว กข 43 ที่ดีต่อสุขภาพ โดยหลังจากไปเปิดตัวที่สหรัฐฯ ขณะนี้มีผู้ติดต่อเข้ามาจำนวนมาก เพื่อขอทราบคุณสมบัติ ผลการวิจัย และขอตัวอย่างข้าว มั่นใจว่าจะเปิดตลาดข้าว กข 43 ในสหรัฐฯได้แน่นอน ส่วนตลาดแคนาดาได้รับการตอบรับดีเช่นเดียวกันและมีแผนที่จะโปรโมตต่อที่ออสเตรเลีย จีน สิงคโปร์

 

ที่มา :  ไทยรัฐ  :  อ่านเพิ่มเติม : https://www.thairath.co.th/content/1347185