สมาคมผู้ส่งออกข้าว หนุนเกษตรกรปลูกข้าวขาวพื้นนิ่มสู้เวียดนาม นำร่อง 8 จังหวัดภาคกลาง 10,000 ไร่

  •  
  •  
  •  
  •  

สมาคมผู้ส่งออกข้าวหนุนเกษตรกรปลูกข้าวขาวพื้นนิ่มสู้เวียดนาม นำร่อง 8 จังหวัดภาคกลาง 10,000 ไร่ พร้อมเสริมปัจจัยการผลิตรับซื้อข้าวเปลือกตันละ 9,000 บาท สูงกว่าตลาดตันละ 500 บาท มั่นใจส่งออกข้าวปี’61 ตามเป้า10 ล้านตัน ตลาดดี ราคาส่งออกข้าวมะลิแตะ 1,250 เหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์มีโอกาสเห็นถึงตันละ 1,300 เหรียญสหรัฐ

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยในงานสัมมนา ครบรอบ 100 ปี สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยว่า ปีนี้สมาคมมีแผนจะร่วมการทำงานกับกรมการค้าภายจัดทำโครงการพลังประชารัฐพัฒนาข้าวไทย โดยเดือนหน้าจะลงพื้นที่สำรวจ 8 จังหวัดในภาคกลาง สุพรรณ ราชบุรี นครปฐม เป็นต้น เพื่อเป็นจังหวัดนำร่องปลูกข้าวขาวพื้นนิ่ม เช่น พันธุ์พิษณุโลก 80,กข 21, กข71และกข77 ซึ่งจะเริ่มปลูกในปีการผลิตนาปรัง ปี 2561 ปริมาณ 10,000 ไร่

โดยสมาคมฯส่งเสริมและสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งรับซื้อในระดับสูงกว่าตลาดตันละ 9,000 บาท เพื่อนำไปปรับปรุงส่งออกราคาสูงกว่าข้าวขาวพื้นแข็งตันละ 60-150 เหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันข้าวขาว 5% ราคาตันละ 460 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ข้าวขาวพื้นนิ่มจากเวียดนามพันธุ์ 5414 ตันละ 500 เหรียญสหรัฐ ข้าว ST5 ตันละ 550 เหรียญสหรัฐ และนางฮวา ตันละ 600 เหรียญสหรัฐ

“ข้าวชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในตลาดจีน ปีละ 7-8 ล้านตัน แต่ไทยไม่เคยมีการปลูก ทำให้เวียดนามได้เปรียบในตลาดนี้ส่งออกข้าวชนิดนี้ ต่อไปไทยควรเร่งพัฒนาพันธุ์เพื่อขยายตลาดส่งออกข้าวในเซคเม้นนี้ เพราะเซคเม้นพรีเมียมมีราคาสูงก็จริงแต่ปริมาณน้อย เราจึงควรส่งเสริมเกษตรกรผลิตข้าวในเซคเม้นนี้”

ร.ต.ท.เจริญ กล่าวว่า ทิศทางการส่งออกปีนี้ไทยจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย 10 ล้านตัน โดยในช่วง 5 เดือนแรก ตั้งแต่มกราคมถึง 15 พฤษภาคม 2561 ส่งออกได้ 4.21 ตัน เป็นอันดับสองรองจากอินเดียที่ 4.77 ล้านตัน โดยไทยเพิ่งชนะประมูลข้าวฟิลิปปินส์ 4 แสนตัน อินโดนีเซีย และตลาดข้าวนึ่งจะกลับมาหลังจากนี้เพราะสต๊อกข้าวเก่าของตลาดแอฟริกาหมดแล้ว

ส่วนราคาข้าวในขณะนี้ถือว่าปรับตัวสูงสุด เป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1,250 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นราคาข้าวเปลือก17,000-18,000 บาท ซึ่งสูงกว่าช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว เพราะความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีสูง ขณะที่ผลผลิตมีน้อยลง แต่ด้วยราคาที่สูงก็จะทำให้แข่งขันได้ยาก

“ไทยมีโอกาสเห็นข้าวมะลิถึงตันละ 1,300 เหรียญสหรัฐ เป็นช่วงสั้นๆ เพราะ 2-3เดือนนี้ตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการสูง และผลผลิตน้อย บางประเทศประสบภัยแล้ง”

ส่วนข้าวขาวก็ถือว่าปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ตันละ 430-435 เหรียญสหรัฐ ส่วนปัญหาต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบเพียงเล็กน้อยยังไม่จำเป็นต้องปรับราคา เชื่อว่าจะเป็นระยะสั้นเท่านั้นและขณะนี้ราคาน้ำมันลดลงไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังห่วงปัญหาค่าเงินบาทที่ไม่มีเสถียรภาพ เพราะค่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กระทบต่อการส่งออกข้าวของไทย ถ้าเงินบาทแข็งจะทำให้ราคาสูงขึ้นการแข่งขันยาก โดยอัตราที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ 31.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ  :https://www.prachachat.net/economy/news-165778