“อัครา” ชวนนักท่องเที่ยวแอ่วพะเยาชมข้าวหลากสีช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

  •  
  •  
  •  
  •  

“อัครา” ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงนาจุดปลูกข้าวหลากสี หวังผลักดันตั้งศูนย์การเรียนรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยาแบบครบวงจร  พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแอ่วพะเยาชมข้าวหลากสีช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

     นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงนาจุดปลูกข้าวหลากสี ณ ตำบลสันป่าม่วง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา และเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ เทศบาลตำบลบ้านสาง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โดยมุ่งหวังให้เกิดศูนย์การเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยาแบบครบวงจร

     ทั้งนี้ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานเร่งดำเนินการวางแผนเพาะปลูกในรูปแบบอินทรีย์ (Organic) และมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่อง การจัดรูปที่ดิน บำรุงดิน เพื่อให้ดินพร้อมสำหรับเพราะปลูกกล้าข้าวหลากสี การเตรียมรูปแบบการเพาะปลูกข้าวหลากสี พันธุ์ข้าว พร้อมการเตรียมข้าวก่ำหรือข้าวเหนียวดำพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดพะเยาร่วมในแปลงเพาะปลูก การเตรียมพันธุ์ปลาเพื่อเพาะพันธุ์ในพื้นที่เกษตรกรรม และเตรียมวางระบบน้ำสำหรับพื้นที่เกษตรกรรมให้สามารถใช้น้ำได้อย่างยั่งยืน

        นายอัครา กล่าวว่า  เพื่อให้พื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่อยู่อย่างยั่งยืน ต้องขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยผลักดันเกษตรกรในพื้นที่ให้ตั้งตนเป็นวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับให้เป็นกลุ่มเกษตรกรเข้มแข็ง สามารถร่วมกันทำสินค้าเกษตรมูลค่าสูงออกจำหน่ายในพื้นที่ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว นอกจากนี้ ในอนาคตพื้นที่ดังกล่าว จะวางแผนรองรับการใช้พลังงานสะอาด การเตรียมแผนดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ และจะเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไปพร้อมกัน ทั้งนี้ กรมการข้าวจะเริ่มปลูกข้าวหลากสีในช่วงเดือนตุลาคม 2567 และคาดว่าจะสามารถเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

    หลังจากนั้น รมช.อัครา เดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยาบริเวณสวนสมเด็จย่า 90 พรรษา เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่สำหรับก่อสร้างศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำพะเยา บนพื้นที่ขนาด 7,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย อาคารศึกษาและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ พื้นที่อนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำ พื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง และพื้นที่บริการ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านประมงที่สำคัญอีกจุดหนึ่งในอนาคตต่อไป