พุทราน้ำอ้อย…ปลูกปีเดียวเก็บขายได้แล้ว หวาน อร่อย ราคาดี กก.ละ 200 บาท

  •  
  •  
  •  
  •  

โดย…หนึ่งฤทัย แพรสีทอง

                                                                                   จ.อ.สิทธิเดช อ่องเภา

ความน่าสนใจของพุทราอยู่ตรงที่ให้ผลผลิตเร็ว สามารถให้ผลผลิตได้ตั้งแต่ปีแรกเลย โดยพุทราจะออกผลช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี ผลผลิตปีแรกอาจจะยังไม่มาก เพียง 4-5 กก.ต่อต้น เท่านั้น ปีที่ 2 จะเพิ่มเป็น 15-20 กก. พอปีที่ 3 จะเพิ่มเป็น 40-50 กก.ต่อต้นเลยทีเดียว ยิ่งอายุมากขึ้น ผลผลิตจะยิ่งเพิ่มขึ้น”

ฤดูกาลของพุทราน้ำอ้อยกลับมาอีกครั้งแล้ว ช่วงนี้กำลังเก็บผลผลิตกันเดียวค่ะ ซึ่งปีนี้กระแสตอบรับยังแรงเหมือนเดิม ด้วยความโดดเด่นที่รสชาติหวาน อร่อยกว่าสายพันธุ์ อีกทั้งจุดเด่นที่ผลโตเกือบเท่าผลแอปเปิ้ล ทำให้พุทราน้ำอ้อยกลายเป็นผลไม้ที่รอคอยของผู้บริโภค

จ.อ.สิทธิเดช อ่องเภา หรือ “จ่ามด” เจ้าของสวนพุทราน้ำอ้อย ที่ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นสวนพุทราที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดของบ้านเราก็ว่าได้ โดยจ่ามดทำสวนผสมเป็นอาชีพเสริมมาร่วม 10 ปี ปลูกพืชหลายชนิด ทั้ง มะนาวนิ้ว ฝรั่งหงเป่าสือ หรือฝรั่งไส้แดง และ พุทราน้ำอ้อย

จ่ามดเล่าว่า เขาเห็นความน่าสนใจของพุทราน้ำอ้อยที่โดดเด่นมากในเรื่องของรสชาติที่หวานอร่อยกว่าพุทราพันธุ์อื่น และผลโตกว่าพุทราพันธุ์อื่นๆ ผลโตเกือบเท่าแอปเปิ้ล จึงได้สั่งกิ่งพันธุ์มาทดลองปลูกในครั้งแรกเพียง 6 ต้น หลังจากเห็นผลผลิตในปีแรกจึงขยายพันธุ์จนตอนนี้มีพุทราอยู่ประมาณ 300 ต้น มีทั้งต้นอายุ 2 ปี จนถึงต้นอายุ 4 ปีที่เป็นรุ่นแรก ๆ

ความน่าสนใจของพุทราอยู่ตรงที่ให้ผลผลิตเร็ว สามารถให้ผลผลิตได้ตั้งแต่ปีแรกเลย โดยพุทราจะออกผลช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี ผลผลิตปีแรกอาจจะยังไม่มาก เพียง 4-5 กก.ต่อต้น เท่านั้น ปีที่ 2 จะเพิ่มเป็น 15-20 กก. พอปีที่ 3 จะเพิ่มเป็น 40-50 กก.ต่อต้นเลยทีเดียว ยิ่งอายุมากขึ้น ผลผลิตจะยิ่งเพิ่มขึ้น ปัจจุบันถือว่าผลผลิตพุทราน้ำอ้อยยังไม่มาก จ่ามดจึงขายออนไลน์เป็นหลัก ราคาขาย 200 บาท/ กก. รวมส่ง กระแสตอบรับของผู้บริโภคปีนี้ยังดี โดยเก็บผลผลิตต่อวัน 100-200 กก.เลยทีเดียว และผลผลิตรวมของปีนี้น่าจะได้ประมาณ 4-5 ตัน

พุทราของจ่ามดจะปลูกในโรงเรือนกางมุ้ง แปลงนี้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ 300 ต้น สาเหตุที่ต้องกางมุ้งก็เพื่อแก้ปัญหาเรื่องแมลงวันทองซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของพุทรา รวมทั้งหนอนเจาะผลที่อาจเจอในบางพื้นที่ ทำให้ลดการใช้สารเคมีลงไปได้ด้วย เพราะแทบจะไม่ได้ใช้สารเคมีใดๆเลย ถ้าปลูกกลางแจ้งอาจต้องห่อผล แต่ด้วยความที่พุทราติดผลค่อนข้างดกมากยากจะห่อผลได้ทัน จ่ามดจึงตัดสินใจทำโรงเรือนโดยจะเอามุ้งมากางครอบตั้งแต่ช่วงติดผลราวเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงปลายกุมภาพันธุ์ โดยใช้โครงเป็นเหล็กกัลป์วาไนซ์ทั้งหมด ต้นทุนโรงเรือนอยู่ที่ไร่ละประมาณ 100,000 บาท และจะกางมุ้ง เฉพาะช่วงที่ติดผลไปจนถึงเก็บเกี่ยวผลหมด ประมาณปลายเดือน กุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมก็จะรื้อมุ้งเก็บ

พุทราที่นี่จะใช้ระยะปลูก 6×6 เมตร หากพื้นที่น้อยอาจลดเหลือ 5×5 เมตรก็ได้ พื้นที่ 1 ไร่จะปลูกได้ประมาณ 45 ต้น การปลูกและดูแลพุทราก็เหมือนไม้ผลทั่วไป ดูแลไม่ยาก หลังปลูกให้น้ำตามปกติ โดยดูจากสภาพดิน 1-3 วันครั้ง ช่วงแรก ๆ อาจให้บ่อยหน่อย ปุ๋ยให้เดือนละครั้ง ช่วงบำรุงต้นใช้สูตรเสมอหรือตัวหน้าสูง พอเริ่มออกดอกและติดผลเปลี่ยนมาให้สูตรตัวกลาง ตัวท้ายสูงเดือนละครั้งไปจนเก็บเกี่ยว

หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดก็จะเก็บมุ้งแล้วทำการตัดแต่งกิ่งประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย. โดยจะตัดให้เหลือแต่ตอสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร หลังจากนั้น 2-3 เดือน ต้นจะแตกกิ่งใหม่ออกมาจำนวนหนึ่ง จะมาเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ มีขนาดใหญ่ไว้เป็นกิ่งหลักที่จะให้ผลผลิตไว้เพียง 3-4 กิ่งเท่านั้น เมื่อกิ่งขนาดใหญ่ขึ้นจะทำการค้ำกิ่งเพื่อรองรับรับน้ำหนักของพุทราที่จะติดผลผลิตในชุดต่อไป

จากผลตอบรับที่ดีของตลาด จ่ามดเตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีก 10 ไร่ ในปีนี้ ที่ อ.แม่วงศ์ จ.นครสวรรค์ เดี๋ยวมาติดตามกันค่ะ

สำหรับใครที่สนใจกิ่งพันธุ์พุทราน้ำอ้อย สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ สวนจ่ามด ที่ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร (โทร. 08-0099-9361) ราคากิ่งพันธุ์ 200 บาท