โดย…ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต
นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute – IRRI) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส (University of California Davis – UC Davis) แห่งสหรัสอเมริกา ได้ตีพิมพ์รายงานที่ก้าวล้ำซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิถีทางที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการสำรวจและจัดการกับพื้นที่นิเวศน์วิทยาเฉพาะ (phytobiome) ของข้าว โดยกล่าวว่า สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและผลผลิตข้าว ที่สามารถช่วยรักษาแหล่งอาหารทั่วโลกเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พื้นที่นิเวศน์วิทยาเฉพาะของข้าว ประกอบด้วยแบคทีเรีย เชื้อรา และแมลงที่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์กับต้นข้าว ปฏิกิริยาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพของต้นข้าว ความทนทานต่อความเครียด และการได้รับสารอาหาร นอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพดินและสภาพอากาศยังส่งผลต่อพื้นที่นิเวศน์วิทยาเฉพาะของข้าวอีกด้วย ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Plant Communications ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพลวัตเหล่านี้สามารถนำไปสู่แนวทางปฏิบัติและกลยุทธ์ทางการเกษตรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อการผลิตข้าว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศเกษตรโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและชุมชนจุลินทรีย์ที่สนับสนุนการเจริญเติบโตของข้าว ซึ่งนักวิจัยระบุว่า การใช้แนวทางใหม่ซึ่งขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและระบบ สามารถช่วยปรับระบบในพื้นที่นิเวศน์วิทยาเฉพาะของข้าวได้อย่างแม่นยำ เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บทความนี้แนะนำให้ใช้วิธีการแบบองค์รวมทั่วทั้งระบบเพื่อจัดการกับพื้นที่นิเวศน์วิทยาเฉพาะ เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่ยั่งยืนและลดการทำลายระบบนิเวศ ความก้าวหน้า ล่าสุดในชีววิทยาสังเคราะห์ (synthetic biology) และการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหรือกิจกรรมที่ซับซ้อนของจุลินทรีย์ (microbiome engineering) ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนชุมชนจุลินทรีย์เหล่านี้ได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.irri.org/news-and-events/news/rice-phytobiome-engineering-could-lead-greater-food-security-says-irri-and-uc