ถกนำเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร รับมือสภาพภูมิอากาศการเปลี่ยนแปลงในเวียดนาม

  •  
  •  
  •  
  •  

โดย…ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต

ISAAA Inc.ร่วมกับกระทรวงเกษตรต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ณ กรุงฮานอย (USDA FAS Hanoi) และสถาบันพันธุศาสตร์การเกษตรของเวียดนาม (Agricultural Genetics Institute – AGI) จัดสัมมนาเรื่อง “เทคโนโลยีชีวภาพเกษตรเพื่อการบรรเทาและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ”  (Crop Biotechnology for Climate Change Mitigation and Adaptation)

งานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ผ่าน Zoom กลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำงานในโครงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change programs) ของกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยังมีนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ และตัวแทนอุตสาหกรรม เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ด้วย

Dr. Rhodora Romero-Aldemita กรรมการบริหารของ ISAAA Inc. เปิดการสัมมนาผ่านเว็บโดยนำเสนอวัตถุประสงค์ของการสัมมนาผ่านเว็บและแนวทางการดำเนินงาน Ms. Sarah Gilleskiจาก USDA FAS Hanoi ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการได้แนะนำ Mr. Ralph Bean สมาชิกสภาการเกษตรที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อกล่าวต้อนรับ

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงลำดับเวลาของเวียดนามที่จะทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงการปล่อยมลพิษให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 และลดการปล่อยก๊าซมีเทนลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานกำกับดูแลของเวียดนามกำลังสำรวจเทคนิคและผลิตภัณฑ์

ล่าสุดที่นำโดยเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการใช้พันธุ์พืชและสัตว์ที่เน้นการส่งผลดีต่อสภาพภูมิอากาศ โดยคำนึงถึงลักษณะที่มุ่งเน้นผู้บริโภคและการอำนวยความสะดวกทางการค้า

Dr.Giang Thu Nguyen รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (Ministry of Agriculture and Rural Development – MARD) ได้กล่าวเปิดงานและส่งสารเกี่ยวกับสิ่งที่เวียดนามกำลังประสบซึ่งเป็นผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยเฉพาะระดับน้ำที่สูงขึ้นในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง การลดลงของพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อการเกษตร การเพิ่มขึ้นของศัตรูพืชและโรคพืช และการสูญเสียผลผลิต

ปัจจุบันเวียดนามกำลังส่งเสริมการวิจัย การพัฒนา และการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการเกษตร และถือว่าเทคโนโลยีชีวภาพมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในการบรรลุการปล่อยมลพิษสุทธิให้เป็นศูนย์ของประเทศภายในปี 2593

ด้าน Dr. Paul S. Teng กรรมการผู้จัดการ NIE International Pte. Ltd. และ Adjunct Senior Fellow, Center for Non-Traditional Security Studies แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University) ประเทศสิงคโปร์ และประธานกรรมการของ ISAAA กล่าวว่า เทคโนโลยีชีวภาพด้านพืชสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกและในเอเชียได้อย่างไร

สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลและภาคเอกชน จะต้องมีนโยบายและการลงทุนที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อความสำเร็จในการพัฒนาพันธุ์พืชที่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ส่่วน Dr. Tran Dai Nghia หัวหน้าแผนกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Division)ของสถาบันวิจัยนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร (Research Institute for Policy and Strategy in Agriculture)MARD ระบุว่า  เวียดนาม ควรเห็นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คาร์บอนต่ำ และระบบอาหารเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในประเทศ

นอกจากนี้ยังเน้นว่าเทคโนโลยีชีวภาพสามารถช่วยควบคุมและรักษามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิตพืช การเลี้ยงสัตว์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ยาสำหรับมนุษย์และสัตว์

ขณะที่  Dr. Nguyen Thi Minh Nguyet จากภาควิชาอณูชีววิทยา(Molecular Biology Department) ของสถาบันพันธุศาสตร์การเกษตรเวียดนาม ได้พูดถึงความก้าวหน้าของการปรับปรุงพันธุ์ระดับโมเลกุลของข้าวเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเวียดนาม โดยเน้นที่พันธุ์ข้าวอัจฉริยะ2 พันธุ์ ที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศที่กำลังพัฒนาในปัจจุบัน

พันธุ์หนึ่งสามารถทนต่อสภาพน้ำเค็ม ในขณะที่อีกพันธุ์หนึ่งมีความทนทานต่อโรคใบไหม้จากแบคทีเรียและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล รวมทั้งมีความต้านทานปานกลางต่อโรคราน้ำค้าง

การสัมมนาครั้งนี้ เป็นการนำเสนอเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา และกล่าวปิดโดย Ms. SarahaGilleski

ครับ อยากเห็นนโยบายที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน จากผู้นำของประเทศไทย

ต้องการข้อมูลเพื่มเติม ติดต่อ email zbugnosen@isaaa.org.