โดย…ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต
อุตสาหกรรมการเกษตรกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย อาทิ ความพยายามที่จะต้องตามให้ทันกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และแน่นอน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังคาดกันว่าเกือบร้อยละ 80 ของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในเขตเมืองภายในปี 2593 เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาอุตสาหกรรม จำนวนพื้นที่ทำกินหรือ ที่ดินที่ใช้สำหรับการเพาะปลูกพืช ก็ลดลงทุกวัน
ด้วยการตั้งเป้าหมายในการผลิตอาหารให้มากขึ้นต่อตารางเมตร การทำฟาร์มแนวตั้ง (vertical farming) ซึ่งเป็นการเพาะปลูกพืชเป็นชั้นๆ ซ้อนกันในโครงสร้างสูงคล้ายหอคอยจึงเป็นอีกหนึ่งแนวคิด ตามที่ ศาสตราจารย์ Dickson Despommier ผู้อยู่เบื้องหลังการทำฟาร์มแนวตั้ง ที่ทำฟาร์มในร่มขนาด 1 เอเคอร์ ซึ่งเทียบเท่ากับการทำฟาร์มกลางแจ้ง 10 เอเคอร์
Despommier อธิบายว่า การปลูกพืชในร่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดภายในโครงสร้างสูงเหล่านี้ทำให้เราเพิ่มพื้นที่ปลูกและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้สูงสุด
โดยใช้น้ำเพียงประมาณร้อยละ10 ของการใช้น้ำในการทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) จะช่วยให้เกษตรกรที่ปลูกพืชในแนวดิ่งสามารถประหยัดน้ำได้มาก นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า น้ำจะกลายเป็นทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดแห่งหนึ่งของศตวรรษหน้า
ครับ เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาของบทความ ดูเหมือนว่าการปลูกพืชในแนวตั้ง น่าจะสามารถเพิ่มผลผลิตพืชได้อย่างยั่งยืน ในเมืองไทยคาดว่า มีหลายบริษัทที่กำลังทำการปลูกพืชแบบแนวตั้งอยู่
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.meilirobots.com/resources-list/vertical-farming