รมต.อาเซียนเห็นพ้องรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  •  
  •  
  •  
  •  

 

“ลักษณ์” สรุปผลประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 40 ที่กรุงฮานอย ของเวียดนาม เน้นความสำคัญว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านเกษตรและป่าไม้ ที่มีต่อความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ชี้การผลิตสินค้าเกษตรต้องปลอดภัย ได้มาตรฐาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 40 (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry: 40th AMAF) ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 61 ที่ผ่านมา ได้มีการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2568 และรับทราบความสำเร็จในการดำเนินงานด้านอาหาร เกษตร และป่าไม้ ในปี 2560 – 2561 ภายใต้วิสัยทัศน์และแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมืออาเซียนด้านอาหารการเกษตรและป่าไม้ ปี 2559 – 2568 โดยในที่ประชุม ได้มีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน ปี 2558 – 2563

นอกจากนี้ที่ประชุมให้ความเห็นชอบกรอบแนวคิดหลายสาขาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านเกษตรและป่าไม้ ที่มีต่อความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเกิดความมั่นคงด้านอาหาร โดยการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ป่าไม้ น้ำ และแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน ให้มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สำหรับการดำเนินงานในด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ในปี 2561 มีความสำเร็จของผลงานสำคัญ 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) แนวปฏิบัติของอาเซียนในการเสริมสร้างศักยภาพในการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบในภาคอาหารเกษตรและป่าไม้ 2) แนวทางการดำเนินการของรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้เกี่ยวกับการบรรจุเรื่องมิติด้านเพศในภาคอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ของอาเซียน 3) ค่าสารพิษตกค้างสูงสุดและค่ามาตรฐานของอาเซียน 4) นโยบายในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสาขาป่าไม้และสาขาอื่น ๆ ของอาเซียน 5) มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสุกรของอาเซียน 6) แผนงานอาเซียนเพื่อเสริมสร้างบทบาทของสหกรณ์การเกษตรในห่วงโซ่คุณค่าอาหารของโลกด้านการเกษตร ปี 2561 – 2568

นายลักษณ์ กล่าวอีกว่า ความสำคัญของการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยภาคการเกษตรต้องสามารถเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าของโลกได้ จะต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีส่งเสริมเกษตรสีเขียวและเกษตรอัจฉริยะ รวมทั้งส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาคเกษตรได้มากยิ่งขึ้น และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลกับเอกชน (PPP) อีกทั้งขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

[adrotate banner=”3″]

“ที่ประชุมได้เสนอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมมือกันภายใต้กรอบแนวคิดหลายสาขาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านเกษตรและป่าไม้ที่มีต่อความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ภาคการเกษตรสามารถปรับตัวและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนแลกเปลี่ยนข้อมูลภายใต้ระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยอาหารและอาหารสัตว์ของอาเซียน (ASEAN Rapid Alert System for Food and Feed: ARASFF) เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยทางด้านอาหาร และใช้มาตรการที่รวดเร็วและเหมาะสมในการคุ้มครองผู้บริโภค และขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมมือกันให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสินค้าปลาทูน่าของภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน และมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสุกรของอาเซียนเพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสุกรที่ปลอดภัยต่อการบริโภค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน” นายลักษณ์ กล่าว