วว.โชว์นวัตกรรมใหม่ เปิดตัว “กลุ่มจุลินทรีย์  BioD I วว.เพื่อย่อยสลายตอซังข้าว”

  •  
  •  
  •  
  •  

ผู้ว่าการ วว.โชว์ “เทคโนโลยี วว. ยกระดับการเกษตรปทุมธานี” พร้อมร่วมพันธมิตรเปิดตัว “กลุ่มจุลินทรีย์  BioD I วว. เพื่อย่อยสลายตอซังข้าว” ในงาน “รณรงค์สร้างแนวร่วมหยุดเผาในพื้นที่เกษตร สู่เมืองปทุมธานีไร้ควัน” ที่ปทุมธานีจัดขึ้น เผยมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายตอซังและฟางข้าวรวดเร็ว เกษตรกรใช้แล้วพอใจ

วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.)  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยนายคมสัน  ญาณวัฒนา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี  และบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัว “กลุ่มจุลินทรีย์  BioD I วว. เพื่อย่อยสลายตอซังข้าว” มีประสิทธิภาพเพิ่มธาตุอาหารในแปลงนาและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  ณ ลานวัดตระพัง และแปลงนาสาธิต หมู่ที่ 5 ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พร้อมโชว์ “เทคโนโลยี วว. ยกระดับการเกษตรปทุมธานี” เนื่องใน “งานรณรงค์สร้างแนวร่วมหยุดเผาในพื้นที่เกษตร สู่เมืองปทุมธานีไร้ควัน” ซึ่งจังหวัดปทุมธานีจัดขึ้น ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ  2567 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรจังหวัดปทุมธานี

ดร.ชุติมา  กล่าวว่า  กลุ่มจุลินทรีย์ BioD I วว. เพื่อย่อยสลายตอซังข้าว  เป็นความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาของ วว. โดย ห้องปฏิบัติการทดสอบการสลายตัวทางชีวภาพของวัสดุ ในสังกัด ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือของ วว. จังหวัดปทุมธานี กลุ่มเกษตรกร และบริษัทอาปิโก ไฮเทคฯ ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการลดผลกระทบต่องสิ่งแวดล้อมด้านการเกษตร (การสนับสนุนให้ภาคการเกษตรลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม) ของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

โดยจุลินทรีย์กลุ่มดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายตอซังและฟางข้าว ซึ่งเกษตรกรที่นำไปใช้มีความพึงพอใจ เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการหมักเพื่อย่อยสลายสั้น จุลินทรีย์ไม่ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของข้าว และไม่กระทบต่อระบบนิเวศ นอกจ่ากนี้เพื่อให้ใช้งานสะดวกและมีความยั่งยืนในการใช้จุลินทรีย์ของเกษตรกร  วว. ได้คิดค้น “ถังบ่มเพาะหัวเชื้อกลุ่มจุลินทรีย์ฯ” ซึ่งเกษตรกรสามารถผลิตขยายจุลินทรีย์ได้เอง และมีจุลินทรีย์ฯ กระจายสู่เกษตรกรในชุมชนได้ทั่วถึง

ด้านนายคมสัน  ญาณวัฒนา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวด้วยว่า  จังหวัดปทุมธานีให้ความสำคัญกับปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร  โดยมีแนวทางการดำเนินงาน คือ  “รักษ์โลก ปลอดเผา ปลอดภัย” และได้ขอความร่วมมือชาวปทุมธานีให้หยุดเผาในพื้นที่โล่งแจ้งและพื้นที่การเกษตร  เพื่ออากาศสะอาด ปราศจากหมอกควัน และได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดปทุมธานี สร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับเกษตรกรถึงผลกระทบจากการเผา และนำเสนอแนวทางการดำเนินงาน “3R Pathumthani Model” เพื่อลดปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรจังหวัดปทุมธานี  ดังนี้

1. Realize : สร้างการตระหนักรู้ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ เพื่อให้เกษตรกรเกิดความตระหนักถึงผลกระทบจากการเผา  2. Re-Habit : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมปลูกพืชแบบไม่เผา ใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายฟางและตอซัง มุ่งสู่การทำการเกษตรปลอดการเผา เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  และ 3. Recycle : นำวัสดุเหลือใช้หมุนเวียนมาใช้ใหม่ ส่งเสริมให้มีการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผาทำลาย ทั้งนี้จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหามลพิษ หมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 ทำให้ในวันนี้จังหวัดปทุมธานีพร้อมเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตร และพร้อมที่จะส่งมอบจุลินทรีย์  BioD I วว. ให้แก่เกษตรกรชาวปทุมธานีทุกคน

สำหรับผลงาน “เทคโนโลยี วว. ยกระดับการเกษตรปทุมธานี” ที่ร่วมจัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้ เป็นผลการดำเนินงานของ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร  ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจังหวัดปทุมธานี ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มุ่งเน้นให้การทำเกษตรกรรมของจังหวัดได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีความเข้มแข็งและมั่นคงในอาชีพ  จากการดำเนินงานก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ 20.7858 ล้านบาท ผลกระทบทางสังคม 0.3001 ล้านบาท

ผลงานที่จัดแสดงประกอบด้วย การพัฒนาปัจจัยการผลิตเฉพาะพื้นที่ (พันธุ์พืช ปุ๋ย ชีวภัณฑ์) ได้แก่ การใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตชะลอความสูงของต้นกล้วยโดยใช้ฮอร์โมน (กล้วยต้นเตี้ย)   การใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตเพิ่มขนาดผลกล้วย (กล้วยผลโต)  การปลูกเลี้ยงกล้วยปลอดโรค  ปุ๋ยเสริมซีลีเนียมในกล้วย  และการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชอัตลักษณ์/สมุนไพร  ได้แก่ สารสกัดข้าวหอมปทุมธานี กล้วยหอมปทุม และบัวหลวง   เป็นต้น