บริษัท วรุณาฯ เดินหน้าสนับสนุนเกษตรกรไทยหันมาปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง ด้วยการนำนวัตกรรม “แอปพลิเคชันคันนา” ผู้ช่วยประจำแปลงเพื่อเกษตรกรไทย มาช่วยบริหารจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร นำร่องจัดงานเปิดตัว “ปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง สร้างคาร์บอนเครดิต สร้างรายได้” อย่างเป็นทางการ ที่ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี หวังส่งเสริมเกษตรกรไทยผู้ปลูกข้าวหันมาทำนาแบบรักษ์โลก ลดการใช้น้ำลงได้ 50% ลดต้นทุนการเพาะปลูก 8 – 13 % และลดก๊าซมีเทน 80%
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งหน่วยธุรกิจภายใต้ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ARV เปิดตัว “ปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง สร้างคาร์บอนเครดิต สร้างรายได้” อย่างเป็นทางการ ที่ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีนาย ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ร่วมเป็นประธานเปิดงาน ร่วมกับผู้บริหารบริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด และผู้แทนศูนย์วิจัยข้าว จังหวัดลพบุรี เข้าร่วมงานในครั้งนี้
นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ผู้บริหารด้านธุรกิจและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกมีความตื่นตัวและหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยดูแลและลดผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน โดยประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำในกลุ่มอาเซียนที่ได้ประกาศเป้าหมายจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 40% ภายในปี 2573 จากปัจจุบันประเทศไทยมีการปล่อยคาร์บอนคิดเป็นอันดับที่ 19 ของโลก
ทั้งนี้ ภาคเกษตรกรรมมีกิจกรรมบางส่วนที่เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะการปลูกข้าวที่พบว่ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 50.58% ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทน ที่เกิดจากกระบวนการทำนาที่ขังน้ำไว้ ซึ่งก๊าซมีเทนเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า และก๊าซไนตรัสออกไซด์ ที่เกิดจากการใส่ไนโตรเจนในปริมาณมากเกินความต้องการของพืช ดังนั้น การผลักดันให้พื้นที่เกษตรเป็นแหล่งลดก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นแนวทางที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะมีศักยภาพเชิงต้นทุนแล้ว ยังมีแนวโน้มช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาวได้ด้วย
นางสาวพณัญญา กล่าวอีกว่า ภาครัฐของไทยตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเกษตร 1 ล้านตัน แนวทางดังกล่าวถือเป็นอานิสงส์ให้ บริษัท วรุณาฯ หนึ่งหน่วยธุรกิจภายใต้ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ARV ผู้เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนคาร์บอนอย่างยั่งยืนในภาคการเกษตรและสิ่งแวดล้อม จัดทำ “โครงการปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง สร้างคาร์บอนเครดิต สร้างรายได้” ขึ้น ผ่าน “แอปพลิเคชันคันนา” (KANNA)
ทั้งนี้เพื่อช่วยบริหารจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร มีฟีเจอร์การใช้งานหลากหลาย ตั้งแต่การวางแผนการเพาะปลูกจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์รายวันและรายชั่วโมง โรคและแมลง คาดการณ์ผลผลิต จนถึงการเก็บเกี่ยว โดยโครงการนี้ยังสนับสนุนให้เกษตรกรไทยเปลี่ยนวิธีทำนาข้าวแบบดั้งเดิม ที่หนึ่งฤดูกาลเพาะปลูกมีการใช้น้ำ 700 – 1,500 ลูกบาศก์เมตร/ไร่ มาเป็นการปลูกแบบเปียกสลับแห้ง โดยการใช้ท่อ PVC ขนาด 25 เซนติเมตร เจาะรูและฝังลงในนา เพื่อวัดระดับน้ำและดูการใช้น้ำ สามารถลดการใช้น้ำลงได้ 50% ลดต้นทุนการเพาะปลูก
8 – 13% และลดก๊าซมีเทน 80%
“คันนายังเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้เกษตรกรไทย มีความมั่นใจกับการทำการเกษตรมากขึ้น เพราะในอดีตการทำนาเป็นการพึ่งพาศาสตร์แบบดั้งเดิม พร้อมทั้งต้องคาดเดาจากสภาพดินฟ้าอากาศที่มีความไม่แน่นอน แอปฯ ดังกล่าวจึงเป็นเสมือนผู้ช่วยประจำแปลงที่คอยช่วยตั้งแต่เริ่มการเพาะปลูกจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว และช่วยจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร อีกทั้งยังทำให้เกษตรกรรู้จักปรับตัวใช้เทคโนโลยี รวมถึงรับรู้ถึงปัญหาจากการตีความข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติได้” นางสาวพณัญญา กล่าวและว่านอกจากนี้ ยังช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักกับการปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง ที่นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทน ช่วยลดต้นทุนการผลิตและยังทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย
สำหรับประเทศไทยเริ่มมีการขายคาร์บอนเครดิตในตลาดคาร์บอนตั้งแต่ปี 2557 ในรูปแบบตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจ หรือที่เรียกว่า เครดิต T-VERs (Thailand Voluntary Emission) แม้ปัจจุบันการซื้อขายเครดิต TVERs ยังมีไม่มากนัก แต่ในอนาคตจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการคาดการณ์ความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตของไทย ตั้งแต่ปี 2563 – 2573 คาดว่าจะสูงถึงราว 1,600 ล้านตัน tCO2e โดยวรุณามีเป้าหมายในการส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้งครอบคลุม 15 จังหวัด พื้นที่ 1 ล้านไร่ภายในปี 2573
จึงอยากขอเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง ลดการใช้น้ำและปุ๋ย ลดต้นทุน ลดการปล่อยก๊าซมีเทน สาเหตุที่ทำให้เกิดโลกร้อน ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ฟรี เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันคันนา (KANNA) จากกูเกิลเพลย์ และ แอปสโตร์
สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยีจาก บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด สามารถติดต่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อีเมล varuna.contact@varuna.co.th หรือ โทร 02-078-6555 และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://varuna.co.th