“ดีป้า” เปิดตัวแอปฯ “ฟ้าฝน” รู้ทันภัยธรรมชาติล่วงหน้า 7 วัน คาดช่วยเกษตรกรกว่า 10 ล้านคน

  •  
  •  
  •  
  •  

“ดีป้า” จับมือพันธมิตร “ซีพีเอส เวเธอร์ – ซีพีเอส อะกริ”  เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่สำหรับภาคการเกษตร  “ฟ้าฝน” ให้เกษตรกรรู้เท่าทันสภาพอากาศล่วงหน้า 7 วัน ทั้งรายพิกัด รายแปลง สามารถตั้งหลักรับมือภัยธรรมชาติได้ทันท่วงที  คาดภายใน 3 ปี มีเกษตรกรเข้าถึงข้อมูล 10 ล้านคน ช่วยลดต้นทุนและเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ 1,000 ล้านบาทต่อปี

     ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกร ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ด้วยเหตุนี้ ดีป้า จึงร่วมมือกับ บริษัท ซีพีเอส เวเธอร์ จำกัด และ บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด ในการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของประเทศ

                             ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์

     ล่าสุดได้พัฒนาแพลตฟอร์ม ที่มีชื่อว่า “ฟ้าฝน” ภายใต้โครงการ “CPS AGRI: ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย” ผ่านมาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (depa Digital Infrastructure Fund for Private Investment)

      ทั้งนี้แพลตฟอร์มดังกล่าว เป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งเกษตรกรสามารถทราบผลการพยากรณ์อากาศ ล่วงหน้า 7 วัน ช่วยเตือนภัยธรรมชาติ รับทราบถึงข้อมูลสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าในพื้นที่ของตนเองได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการทรัพยากร วางแผนการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

     “โครงการนี้ยังให้บริการในลักษณะของข้อมูลด้านบริการ (Data as a Service) ให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพ สามารถเชื่อมโยงข้อมูล API จนนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการให้บริการแบบใหม่สำหรับเกษตรกร ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของคนไทย คิดเป็น 28% ของประเทศ” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

                                                                      ผศ.ดร.ชินวัชร์ สุรัสวดี

      ด้าน ผศ.ดร.ชินวัชร์ สุรัสวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอส เวเธอร์ จำกัด และ บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรประมาณ 80% ของประเทศ อยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและฝนเป็นหลัก ดังนั้น แอปพลิเคชัน “ฟ้าฝน” จึงเป็นแพลตฟอร์มสำคัญ ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถทราบถึงสภาพอากาศแบบรายชั่วโมง หรือล่วงหน้า 7 วัน โดยดูการเคลื่อนไหวของสภาพอากาศผ่านดาวเทียมที่มีความละเอียดและแม่นยำ รวมถึงสามารถตั้งค่าเพื่อรับการแจ้งเตือนพายุ ฝน ลม และการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของอุณหภูมิได้แบบรายแปลง รายพิกัด

      นอกจากนี้ แอปพลิเคชันดังกล่าวยังรองรับการสร้างเครือข่ายชุมชนเกษตรกร พร้อมมีเครื่องมือช่วยเหลือสำหรับการบริหารจัดการพื้นที่แปลงเพาะปลูก ได้แก่ การรังวัดเพื่อหาพิกัด ความยาว และพื้นที่ การคำนวณปริมาตรดิน สำหรับขุดบ่อและถมดิน ตลอดจนการหาขอบเขตพื้นที่ภายในระยะรัศมีที่ต้องการ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมแล้ว  แพลตฟอร์ม “ฟ้าฝน” ยังเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้านการเดินทาง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ การท่องเที่ยว การออกกำลังกาย การวางแผนทำกิจกรรมกลางแจ้งอีกด้วย 

     อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในระยะเวลา 3 ปี จะมีเกษตรกรและประชาชนทั่วไปเข้าใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคน ช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรและสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ฟ้าฝน” ได้แล้วทั้งระบบ Android และ iOS

      สำหรับโครงการ CPS AGRI: ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทยถือเป็นโครงการที่พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มากถึง 10 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลฝนจากดาวเทียมประมาณ 9 ดวง ผลการพยากรณ์อากาศความละเอียดสูง การสังเกตและผลการพยากรณ์พายุหมุนเขตร้อน พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน ผลการพยากรณ์ภูมิอากาศความละเอียดสูงล่วงหน้า 10 ปี

      ข้อมูลสภาพอากาศจากอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศ ข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกของพืชเศรษฐกิจ (ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา) ผลการพยากรณ์ผลผลิตอ้อย ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมจากดาวเทียม และสถานภาพความสมบูรณ์ของพืชจากดาวเทียม พร้อมมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ 500 จุดทั่วประเทศ

     ปัจจุบัน โครงการนี้ได้ให้บริการข้อมูลพยากรณ์อากาศแก่ประชาชน เกษตรกร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “พยากรณ์อากาศประเทศไทย” จากการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับสภาพอากาศแบบครอบคลุมรอบด้าน ทำให้เพจเฟซบุ๊ก “พยากรณ์อากาศประเทศไทย” มีผู้ใช้งานกดติดตามข้อมูลข่าวสารเกือบล้านคน