ภาครัฐขับเคลื่อน 9 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 66/67 ต่อเนื่อง ชี้ต้องปรับแผนจัดสรรน้ำหลังมี การเพาะปลูกนาปรังเกินแผน และขอความร่วมมือประชาชนควบคุ มการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง พร้อมติดตามควบคุมคุณภาพน้ำให้ มีค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ มาตรฐาน ชี้ไทยมีโอกาสเข้าสู่สภาวะลานี โญที่ทำให้มีฝนมากช่วงเดือน ก.ค.นี้ โดยเร่งเตรียมพร้อมรองรั บสถานการณ์ล่วงหน้าแล้ว
วันที่7 กุมภาพันธ์ 2567 นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติ ดตามและประเมินสถานการณ์น้ำ ประจำสัปดาห์ ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น เข้าร่วมการประชุมผ่านสื่ออิเล็ กทรอนิกส์
ไพฑูรย์ เก่งการช่าง
นายไพฑูรย์ เปิดเผยผลการประชุมว่า วานนี้ (6 ก.พ. 67) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติรั บทราบมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 จำนวน 9 มาตรการ และโครงการเพิ่มประสิทธิ ภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ งและฝนทิ้งช่วง ปี 2567 โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ เร่งดำเนินการขับเคลื่ อนตามมาตรการดังกล่าวให้เป็ นไปตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (กนช.) ได้เห็นชอบ ทั้งนี้ สทนช. ได้บูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภั ยแล้งแบบเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ได้มอบหมาย โดยมีการสำรวจพื้นที่เสี่ ยงการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค พร้อมลงพื้นที่เพื่อติ ดตามสถานการณ์น้ำและสภาพปัญหาร่ วมกับหน่วยงานและองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น (อปท.)
เพื่อเร่งหาแนวทางแก้ไขเฉพาะหน้ าในช่วงฤดูแล้งนี้ให้สอดคล้องกั บความต้องการที่แท้จริ งของประชาขนในแต่ละพื้นที่ เช่น การปรับปรุงแหล่งน้ำเพิ่มพื้นที่ กักเก็บน้ำ การสูบน้ำเติมน้ำต้นทุนสำหรั บผลิตประปาให้แก่แหล่งน้ำที่มี ปริมาณน้ำน้อย การพัฒนาคุณภาพน้ำให้อยู่ ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการอุปโภค บริโภค การให้ข้อมูลความรู้แก่ อปท. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริ หารจัดการน้ำในชุมชน เป็นต้น ทำให้ปัญหาความเสี่ ยงการขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ คลี่คลายลง พร้อมหารือถึงแนวทางในการแก้ ไขปัญหาระยะยาวเพื่อพัฒนาคุ ณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยื นควบคู่กันไปด้วย
ทั้งนี้ จากกการติดตามแผนและผลการจั ดสรรน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2566/2567 พบว่า มีการจัดสรรน้ำเกินแผนที่วางไว้ ในระดับหนึ่ง โดยมีการจัดสรรน้ำทั่ วประเทศไปแล้ว รวม 8,831 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากแผน 7,858 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ ภาคเหนือ เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องส่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ตอนล่าง รวมถึงอ่างฯบางแห่งที่ต้ องระบายน้ำเพื่อช่วยผลักดันน้ำ เค็ม เช่น เขื่อนนฤบดินทรจินดา ที่มีการระบายน้ำเพื่อรักษาคุ ณภาพน้ำในแม่น้ำบางปะกง เป็นต้น ประกอบกับการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ งที่เกินจากแผนที่วางไว้ส่ งผลให้มีการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันมีการเพาะปลูกนาปรั งหรือนารอบที่ 2 เกินแผนไปแล้วประมาณ 1.8 ล้านไร่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ปรั บแผนการใช้น้ำเพื่อให้การบริ หารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้มีการเร่งรัดสร้ างความเข้าใจที่ชั ดเจนและขอความร่วมมื อประชาชนในพื้นที่ในการควบคุ มการเพาะปลูกช่วงฤดูแล้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ปริมาณการจัดสรรน้ำในขณะนี้ยั งคงไม่เกินแผนภาพรวมทั้งฤดูแล้ งที่กำหนดปริมาณการจัดสรรน้ำไว้ 16,010 ล้าน ลบ.ม. โดยปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้วคิ ดเป็น 55% ของแผนรวมทั้งหมด
นายไพฑูรย์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับการจัดสรรน้ำในภาคตะวั นออกที่แม้ว่าปัจจุบันมี ภาพรวมการจัดสรรน้ำน้อยกว่าแผน แต่ยังมีจุดที่ต้องเฝ้าระวั งในเรื่องโครงข่ายน้ำเพื่ออุ ตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิ เศษภาคตะวันออก (EEC) สทนช. จึงได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ฯลฯ ให้มีการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกั บความต้องการใช้น้ำ โดยคำนึงถึงการเก็บกักน้ำ สำรองไว้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สทนช. ยังคงติดตามเฝ้าระวังค่าความเค็ มในแม่น้ำสายหลักอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด สทนช. ได้แจ้งเตือนเฝ้าระวัง น้ำทะเลหนุนสูง ช่วงระหว่างวันที่ 9 – 13 ก.พ. 67 แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ อประชาชนในพื้นที่และกระทบต่อค่ าความเค็มที่จะเกินมาตรฐาน ทั้งนี้ กรมชลประทานได้มีแผนเตรียมพร้ อมบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปั ญหาน้ำเค็มในพื้นที่ดังกล่าวแล้ ว โดยจะมีการควบคุมคุณภาพน้ำสำหรั บผลิตน้ำประปาบริเวณสถานีสูบน้ำ ดิบสำแลอย่างใกล้ชิด และในส่วนของแม่น้ำบางปะกง ขณะนี้มีการควบคุมความเค็มเป็ นระยะตามระยะเวลา
“ปัจจุบันประเทศไทยยังคงอยู่ ในสภาวะเอลนีโญกำลังแรง อย่างไรก็ตาม จากการติดตามคาดการณ์ สภาพอากาศโดยกรมอุตุนิยมวิ ทยาและ สสน. พบว่า สภาวะเอลนีโญในประเทศไทยมี แนวโน้มจะกลับเข้าสู่สภาวะเป็ นกลางในช่วงประมาณเดือน เม.ย. – มิ.ย. 67 ก่อนจะมีโอกาสเปลี่ยนไปสู่ สภาวะลานีญาในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. 67 ที่จะทำให้มีปริมาณฝนมาก จึงได้มีการเตรียมปรับแผนบริ หารจัดการน้ำ เช่น การวางแผนและเพิ่มประสิทธิ ภาพการระบายน้ำ การเตรียมป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ ประทบปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก ฯลฯ เพื่อรองรับสถานการณ์ลานีญาที่ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้” รองเลขาธิการ สทนช. กล่าว