สทนช. นำคณะผู้แทนฝ่ายไทยร่วมถก MRC กำหนดนโยบายความร่วมมือการพัฒนาอย่างยั่งยืน เคาะ TOR สรรหาผู้บริหาร MRCS ไทยชูนโยบายพัฒนาโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและรับประโยชน์ร่วมกัน เน้นการเชื่อมโยงระหว่าง น้ำ พลังงาน อาหาร และระบบนิเวศ หวังใช้แม่น้ำโขงพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนและสร้างความมั่นคงทางอาหาร
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยในโอกาสที่ได้รับมอบหมายจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 (Mekong River Commission: MRC)และการประชุมคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 ณ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ร่วมกับ คณะมนตรีจากประเทศลาว เวียดนาม และกัมพูชา ประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีนและเมียนมา
นอกจากนี้ยังมีประเทศหุ้นส่วนการพัฒนา ได้แก่ ออสเตรเลีย เยอรมนีญี่ปุ่น ลักเซมเบิร์ก สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา โมร็อกโก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สำนักงานเลขาธิการอาเซียน และองค์กร WWF Asia-Pacific พร้อมด้วยคณะผู้แทนฝ่ายไทยประกอบด้วย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สทนช. โดยในปี 2566 ราชอาณาจักรกัมพูชาซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
ดร.สุรสีห์ กล่าวอีกว่า การประชุมในครั้งนี้ ประเทศสมาชิกได้ร่วมหารือและกำหนดนโยบายความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน การบริหารองค์กรของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และกำหนดแนวทางความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา รวมถึงหุ้นส่วนการพัฒนา และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยการประชุมแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงที่ 1 เป็นการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 ประกอบด้วยคณะมนตรีประเทศสมาชิก 4 ประเทศ ได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบการสรรหาตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Secretariat: MRCS)
โดยการอนุมัติร่างขอบเขตการดำเนินงาน (Term of Reference: TOR) ของ MRCS CEO ตามที่ประเทศไทยได้เสนอปรับเพิ่มการขยายโอกาสให้กับผู้ที่ทำงานในภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจสามารถเข้ารับการสมัครและคัดเลือกตำแหน่งดังกล่าวด้วย การประชุมช่วงที่ 2 เป็นการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่สำคัญของ MRCS ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ความร่วมมือกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของ MRC
การดำเนินการตามแผนระดับภูมิภาคเชิงรุก เครือข่ายติดตามเฝ้าระวังหลักแม่น้ำโขง การจัดเตรียมรายงานสถานการณ์ของลุ่มน้ำโขง ปี พ.ศ. 2566 ความก้าวหน้าการศึกษาร่วม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงรูปแบบสภาพทางอุทกวิทยาของลุ่มน้ำโขง – ล้านช้าง และรายงานสภาพทางอุตุ-อุทกวิทยาและสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ปี พ.ศ. 2566 ทั้งนี้ สำหรับการประชุมครั้งต่อไป จะมีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในฐานะประธานคณะมนตรีฯ ประจำปี พ.ศ. 2567 เป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดประชุมฯ
อย่างไรก็ตาม ในนามประเทศไทยได้แสดงความชื่นชมการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ที่มุ่งดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 (Mekong Agreement 1995) ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศทางน้ำ รวมถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม อันเกิดจากบริบทของการพัฒนาที่เกิดขึ้นบนลุ่มน้ำโขง จึงได้เสนอแนวทางที่ประเทศสมาชิกจะดำเนินการร่วมกันต่อไป นั่นคือ การพัฒนาต่างๆ ในแม่น้ำโขงสายประธานควรมีความสอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและการดำเนินชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำโขง และการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
ในส่วนของประเทศไทยนั้น รัฐบาลจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยคำนึงการพัฒนาที่สร้างความมั่นคง ที่เชื่อมโยงระหว่าง น้ำ พลังงาน อาหาร และระบบนิเวศ นอกจากนี้รัฐบาลยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงเพื่อพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน และเพื่อความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาคอีกด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าว