“ธรรมนัส” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี พบว่ามีปริมาณน้ำกว่า 91 % ของความจุอ่างฯทั้งหมด เผยพร้อมเดินหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก 19 โครงการ สามารถเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำป่าสักได้ 1,522.22 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตรได้อนิสงค์ 901,063 ไร่
วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามตรวจวัดระดับน้ำและรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ ณ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ว่า การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในวันนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำทั้ง 4 ส่วนในพื้นที่ คือ น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค น้ำเพื่อการเกษตร น้ำเพื่ออุตสาหกรรม และน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้น้ำและการประกอบอาชีพของเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค. 66) มีปริมาณน้ำใช้การได้ 871 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 91 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 86 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานได้วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ โดยจะดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำป่าสักเพิ่มเติม เนื่องจากลำน้ำสาขาในลุ่มน้ำ
“ป่าสักมีปริมาณมาก ในขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีศักยภาพรับน้ำได้เพียง 960 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งศึกษาแผนงานโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาแหล่งน้ำตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก จำนวน 19 โครงการ ซึ่งหากพัฒนาเต็มศักยภาพครบทุกโครงการจะสามารถเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำป่าสักได้ รวมทั้งหมด 1,522.22 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 62.62 ของปริมาณน้ำท่าทั้งหมด และเพิ่มพื้นที่ชลประทานเป็น 901,063 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 16.06 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมดด้วย” รมว.เกษตรกล่าว