สนองนโยบาย “ธรรมนัส” ทำสงครามสินค้าเกษตรเถื่อน บุกจับวัตถุอันตราย กม. มี”พาราควอต” ด้วย

  •  
  •  
  •  
  •  
กรมวิชาการเกษตรขานรับนโยบาย “ธรรมนัส” ประกาศสงครามสินค้าเกษตรเถื่อน บุกจับ วัตถุอันตรายผิดกฎหมาย จังหวัดกาญจนบุรี ได้ของกลาง 3 รายมีสารเคมีต้องห้่าม “พาราควอต” ถูกแบ่งบรรจุในภาชนะแกลลอนพลาสติกสีขาวขุ่นด้วย

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน มุ่งปราบปรามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการปกป้องผู้บริโภค และเกษตรกร พร้อมกับสั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำไปปฏิบัติทำทันทีให้เห็นผลภายใน 100 วัน เพื่อเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงการเข้มงวดการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร พร้อมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

วันที่ 4 ตุลาคม 2566 ได้มอบหมายให้ นายเสกสรรค์ วรรณกรี ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร พร้อมเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรไซเบอร์ บุกจับวัตถุอันตรายผิดกฎหมาย โดยการจับกุมดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร เจ้าหน้าที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5  ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)

จากการปฏิบัติการลงพื้นที่ปราบปรามร้านค้าจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี พบมีการจำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมาย จำนวน 3 รายการ ดังนี้ ผลิตภัณฑ์สารกำจัดวัชพืช ชื่อทางการค้า พาราควอต ถูกแบ่งบรรจุในภาชนะแกลลอนพลาสติกสีขาวขุ่น ปิดทับด้วยฉลากสีน้ำเงินปริมาณสุทธิตามฉลาก 5 ลิตร จำนวน 3 แกลลอน

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4  ผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตราย ฉลากภาษาอังกฤษ POWER TWO 2 insecticide ถูกแบ่งบรรจุในซองพลาสติกสีเขียว ระบุขนาดบรรจุบนฉลาก 100 กรัม จำนวน 124 ซอง  ผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตราย ไม่มีข้อความบนฉลาก ถูกแบ่งบรรจุใน ซองตะกั่วสีเงิน ขนาด 100 กรัม จำนวน 9 ซอง ทั้งสองรายการเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ วัตถุอันตรายฯ

เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร ได้เก็บตัวอย่าง รายการสิ่งของที่ตรวจยึด เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิชาการเกษตร และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดตัวอย่าง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยเบื้องต้นพบประเด็นความผิดมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี  หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ไม่มีทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ การเลือกซื้อมีความคัญ เกษตรกรต้องซื้อสินค้าที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร จากร้านที่ได้รับอนุญาตจำหน่าย หรือร้านที่ได้ใบรับรอง Q-shop ก่อนเลือกซื้อ ต้องอ่านฉลาก ประโยชน์ วิธีใช้ วันที่ผลิต ไม่เกิน 2 ปี ภาชนะบรรจุอยู่ในสภาพดี ไม่เก่า หรือเสื่อมสภาพ ซื้อในปริมาณที่พอเหมาะกับการใช้ ไม่เป็นสารต้องห้ามนำเข้า ห้ามผลิต หรือ จำหน่าย ซึ่ง รมว. เกษตรฯ ได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตรปราบปรามพวกมิจฉาชีพที่ผลิต และขายปัจจัยการผลิตปลอมทั้งปุ๋ย วัตถุอันตราย หลอกขายเกษตรกร โดยมอบเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ดำเนินการทันที หากเกษตรกรหรือผู้ที่ทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 1174 เพื่อจะได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรเข้าไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป