คนเลี้ยงหมูกว่า 2,000 คนบุกทำเนียบฯจี้นายกฯเร่งปราบขบวนการโกงหมูเถื่อน-แก้ปัญหาถุดิบอาหารสัตว์แพงเกินจริง

  •  
  •  
  •  
  •  

ผู้เลี้ยงหมูกว่า 2,000 คนบุกทำเนียบฯยืนหนังถึงนายกฯโดยตรง จี้ให้เร่งปราบขบวนการทุจริต “หมูเถื่อน” และแก้โครงสร้างวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงเกินจริง ก่อนหมูไทยล่มสลาย เผยปัจจุบันประเทศไทยมีต้นทุนการเลี้ยงสูงที่สุดในโลก ทำให้ซากสุกรผิดกฎหมายทะลักเข้ามา

    วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 มีผู้เลี้ยงสุกรทั่วไทยกว่า 2,000 คน  นำโดยนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ บุกทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องตรงต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้จริงจังกับการปราบขบวนการทุจริตหมูลักลอบนำเข้า และแก้โครงสร้างต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงเกินจริง  ระบุทั้งสองปัญหากำลังทำลายอุตสาหกรรมสุกรไทย  เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา ผู้เลี้ยงสุกรพบเห็นสินค้าเนื้อสุกรที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศกระจายอยู่ในท้องตลาด มีการประชาสัมพันธ์ทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเปิดเผยจนถึงปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ เป็นที่ทราบดีว่าระดับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไม่มีการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ

     นายสุรชัย กล่าวว่า อีกปัจจัยที่สร้างปัญหาให้ต้นทุนการผลิตสุกรอย่างมาก  ได้แก่ ต้นทุนอาหารสัตว์ ที่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงเกินควร   โดยกลุ่มพืชพลังงานข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาเกษตรกรขายได้  มีส่วนต่างราคาหน้าโรงงานอาหารสัตว์ถึง 3.5-4.0 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนกลุ่มพืชโปรตีนกากถั่วเหลืองเม็ดนำเข้ามีส่วนต่างราคากากถั่วเหลืองนำเข้าถึง 7.00-7.50 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งๆ ที่ปกติจะอยู่ในระดับเดียวกับราคากากถั่วเหลืองนำเข้า เนื่องจากเป็นสินค้าผลพลอยได้การจากสกัดน้ำมันถั่วเหลือง เพราะการนำเข้าเม็ดถั่วเหลืองรัฐบาลไม่มีการจัดเก็บอากรขาเข้า (อากรขาเข้า 0%) ขณะที่การนำเข้ากากถั่วเหลืองของภาคปศุสัตว์ต้องเสียอากรขาเข้า 2%

     อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้หารือกับกรมการค้าภายใน ร่วมกับกลุ่มห้างค้าส่ง ค้าปลีก เพื่อแก้ปัญหาราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มตกต่ำ และขอให้ห้างค้าปลีกช่วยคงราคาจำหน่ายปลีก ไม่ให้ลงราคาต่อ เพราะเกษตรกรผู้เลี้ยงกำลังขาดทุนเฉลี่ย 2,000-3,000 บาทต่อตัว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามที่หารือในที่ประชุม ในขณะที่การขอให้แก้ราคาที่สูงเกินควรของวัตถุดิบอาหารสัตว์ อธิบดีบอกเพียงแค่เป็นเรื่องเก่า แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ปรากฏการจริงจังกับการลดส่วนต่างของราคาพืชอาหารสัตว์ทั้งสองกลุ่มแต่ประการใด

     ดังนั้นสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศจึงรวมตัวยื่นข้อเรียกร้องครั้งนี้ดังนี้ 1.เร่งปราบปรามกระบวนการหมูเถื่อน ที่ต้องสงสัยว่ามีการทุจริต  สมคบคิดนำเข้าสินค้าเนื้อสุกรอย่างไม่ถูกกฎหมายที่สร้างปัญหาให้อุตสาหกรรมสุกรไทยในขณะนี้ของผู้นำเข้าเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่คาดว่ามีจำนวนเกี่ยวข้องหลายส่วนราชการ อย่างเร่งด่วน,2.เร่งแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้ง 3 ประการ ประกอบด้วย

      ประการแรก  แก้ไขราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หน้าโรงงานอาหารสัตว์ และราคากากถั่วเหลืองเม็ดนำเข้า ที่มีราคาสูงเกินจริง,   ประการที่สอง  ยกเลิกอากรขาเข้ากากถั่วเหลือง จาก 2% เป็น 0% เพื่อความเสมอภาค,และ   ประการที่สาม ยกเลิกระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตให้นำเข้าข้าวสาลีเข้ามาในราชอาณาจักรฉบับที่ 3 พ.ศ 2565

    นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่เป็นนายกสมาคมหมูกว่า 20 ปี ครั้งนี้ ชาวหมูสาหัสมาก เพิ่งฟื้นตัวจากการระบาดของASF ในสุกร ทำให้ปริมาณผลผลิตสุกรลดลง ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรของไทย ปัจจุบันถือว่าสูงที่สุดในโลก จึงเกิดขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนที่มีราคาเนื้อสุกรที่ชำแหละแล้วเพียงกิโลกรัมละ 50  บาท มาจำหน่าย   ทั้งปี 2565 เราเรียกร้องมาหลายครั้ง จนสืบทราบว่าขบวนการนี้ซับซ้อนมาก กรมปศุสัตว์ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จึงต้องพากันมาเรียกร้องในวันนี้