สทนช. เร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ กอนช. ติดตามสถานการณ์เอลนีโญช่วง มิ.ย. – ก.ค. 66 อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงกลางปี หลังจากที่จะมีการประกาศเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม 2566 คาดปีนี้มีส่วงนคล้ายคลึงกับปี 2544 และ ปี 2552
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ
อย่างไรก็ตาม อาจเกิดพายุหมุนเขตร้อนเคลื่ อนเข้าสู่ประเทศไทย จำนวน 1-2 ลูกในช่วงเดือนสิงหาคมหรือกั นยายน โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่ านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนื อและภาคเหนือ ซึ่งลักษณะอากาศและปริมาณฝนในปี นี้จะมีความคล้ายคลึงกับปี 2544 และ ปี 2552
สำหรับแผนการจัดสรรน้ำของอ่ างเก็บน้ำขนาดใหญ่ช่วงฤดูฝนปี 2566 มีแผนทั้งสิ้น 14,851 ล้าน ลบ.ม.
ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2565 โดย 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีแผนการจัดสรรน้ำ 5,500 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 51 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 1% ของแผนจัดสรรน้ำฤดูฝน
ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2565 โดย 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีแผนการจัดสรรน้ำ 5,500 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 51 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 1% ของแผนจัดสรรน้ำฤดูฝน
ทั้งนี้ สทนช.ได้เน้นย้ำแผนบริหารจั ดการน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ที่มีหน่วยงานรับผิดชอบชัดเจน เพื่อเก็บกักน้ำปริมาณน้ำฝนในช่ วงต้นฤดูไว้ให้มากที่สุด นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามแผนปฏิบั ติการส่งน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำ รับน้ำบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเริ่มที่พื้นที่ทุ่ งบางระกำจะเริ่มส่งน้ำเข้าพื้ นที่วันที่ 1 เมษายน 2566 เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวและใช้ พื้นที่รับน้ำได้ในช่วงกลางเดื อนสิงหาคม และพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 10 ทุ่ง เริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่ 1 พฤษภาคม 2566 สามารถเก็บเกี่ยวและใช้พื้นที่ รับน้ำได้ในช่วงกลางเดือนกั นยายน 2566
“การประเมินสถานการณ์และการบริ หารจัดการน้ำช่วงฤดูฝนปี 2566 นี้ จะใช้ค่าปริมาณน้ำฝนคาดการณ์ต่ำ สุดประกอบการจัดทำเกณฑ์บริหารจั ดการน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนี โญในช่วงฤดูฝนนี้ โดยเน้นย้ำแผนบริหารจัดการน้ำ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และมีน้ำใช้เพียงพอในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเร่งติดตามการตรวจสอบความพร้ อมและการซ่อมแซมอาคารชลศาสตร์ ของหน่วยงานต่าง ๆ ตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 รวมถึงติดตามสถานการณ์ การเพาะปลูกพืชโดยใช้ภาพถ่ ายดาวเทียมของ GISTDA ส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องทุก 15 วัน เป็นข้อมูลในการประเมินและติ ดตามพื้นที่เสี่ยงแล้งในช่ วงของฝนทิ้งช่วงและพื้นที่เสี่ ยงน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้ นกับประชาชนล่วงหน้าได้”ดร. สุรสีห์ กล่าว