กอนช.ติดตามน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง หลังสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย ปรับเพิ่มแผนการระบายน้ำเขื่อนบางลาง 8 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เร่งพร่องน้ำล่วงหน้าเตรียมรองรับฝนช่วงต้นปีหน้า คาดว่าช่วงวันที่ 2-3 มกราคม 2566 สถานการณ์ฝนจะกลับมาอีกครั้ง แต่มีปริมาณเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง พร้อมเร่งศึกษาแผนแก้ไขปัญหาระยะยาว
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ ภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปัตตานีและการบริหารจัดการน้ำเขื่อนบางลาง ณ จ.ปัตตานีและยะลา พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อติดตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำและพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และติดตามการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลางและแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ณ เขื่อนบางลาง ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา
นายชยันต์ กล่าวว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ภาคใต้จะลดลง ทำให้สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองในบางแห่ง ทั้งนี้ กอนช. ได้ติดตามสถานการณ์และประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์ (ONE MAP) จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า ในช่วงนี้เป็นต้นไป จนถึงช่วงปีใหม่จะไม่มีฝนตกหนักเหมือนกับในช่วงวันที่ 18-19 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับช่วงต้นปีหน้า ในช่วงวันที่ 2-3 ม.ค.66 สถานการณ์ฝนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างจะกลับมาอีกครั้ง แต่มีปริมาณเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีตกหนักในบางแห่ง ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือฝนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จึงต้องเร่งพร่องน้ำเขื่อนบางลาง จ.ยะลา
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 27-29 ธ.ค.65 จะมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 8 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ต่อวัน จากเดิมเมื่อช่วงวันที่ 24-26 ธ.ค.65 ระบายน้ำอยู่ที่ 2 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน โดยเขื่อนปัตตานีจะทำหน้าที่รับน้ำต่อจากเขื่อนบางลาง เพื่อควบคุมและบริหารจัดการน้ำไม่ให้กระทบพื้นที่ท้ายน้ำ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณหน้าเขื่อนปัตตานีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณช่วงท้ายเขื่อนปัตตานีถึงตัวเมืองปัตตานีเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
จากสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา เขื่อนบางลางได้ทำหน้าที่หน่วงน้ำไม่ให้ไปซ้ำเติมพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถช่วยลดมวลน้ำจากปริมาณฝนที่ตกหนักที่จะไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานีได้ และบรรเทาความรุนแรงผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลาและจ.ปัตตานี ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้น พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้กำชับให้หน่วยงานภายใต้ กอนช. และศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัยโดยเร็ว เร่งซ่อมแซมคันกั้นน้ำที่ชำรุดเสียหาย ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำทุกขนาดให้สอดคล้องสถานการณ์ และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะในจุดพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เพื่อสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้ทราบอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว จึงได้หารือท้องถิ่นและหน่วยงานในพื้นที่ในการเตรียมเสนอแผนงาน/โครงการ อาทิ การศึกษาการตัดยอดน้ำบริเวณเหนือเขื่อนปัตตานีเพื่อผันน้ำลงสู่ทะเลโดยไม่ให้ไหลเข้าผ่านตัวเมืองปัตตานี และการทบทวนตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ สิ่งก่อสร้างต่างๆ หรือจุดที่ส่งผลต่อการไหลของน้ำ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ให้สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป