นายกฯ ให้โอวาสกับชาวนา ผู้นำองค์กรชาวนาดีเด่นแห่งชาติ ปี 65 ขอให้นำความรู้ ประสบการณ์ ไปต่อยอดพัฒนาสร้างมูลค่าผลผลิตข้าวให้มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ชี้การจัดทำ Zoning และแผนที่การเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการบริหารพื้นที่เพาะปลูกข้าว ยืนยันรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาของชาวนาอย่างต่อเนื่อง แนะหน่วยงานรัฐให้พัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกับผู้นำชาวนา ผู้นำองค์กรชาวนาดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 และข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำไปเยี่ยมคำนับและรับฟังนโยบายด้านข้าวณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลว่า ขอให้นำความรู้และประสบการณ์ไปต่อยอดพัฒนาสร้างมูลค่าผลผลิตข้าวให้มีราคาเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้มีความมั่นคงตลอดไป
ทั้งนี้ซึ่งรัฐบาลเข้าใจปัญหา เข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชาวนา โดยที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเองไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับการจัดทำ Zoning และแผนที่การเกษตร (Agri map) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกข้าวอยู่ขณะนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการบริหารพื้นที่เพาะปลูกข้าวให้เหมาสมกับสภาพดินและแหล่งน้ำ และปริมาณความต้องการสำหรับบริโภค และการใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ รวมถึงสินค้าแปรรูปที่มีมูลค่าอื่น ๆ
ในส่วนของเรื่องพันธุ์ข้าว ขอให้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งการรับรองพันธุ์ข้าว โดยพิจารณากำหนดพื้นที่สำหรับทดลองเพาะปลูกพันธุ์ข้าวใหม่สำหรับบริโภค และใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถพัฒนาสายพันธุ์ข้าวใหม่ และเพิ่มองค์ความรู้ในเรื่องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าว เพื่อใช้ประโยชน์จากข้าวให้มากที่สุด ตอบสนองความต้องการของตลาด
อีกทั้งขอให้ส่งเสริมระบบเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตต่อหน่วย ส่งเสริมการสร้าง Smart Farmer และเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีมาต่อยอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อไป
นอกจาก นายกรัฐมนตรียังได้รับฟังข้อคิดเห็นจากเกษตรกรผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งสะท้อนออกมาว่า นโยบายการรวมกลุ่มเกษตรกรนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก และมีหลายกลุ่มสามารถจดทะเบียนเป็นกลุ่มนาแปลงใหญ่ เพิ่มศักยภาพในการผลิตและจำหน่าย ขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการเพาะปลูกได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคในเรื่องการส่งออกอยู่บ้าง ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ รับไปดูแลแล้ว โดยในอนาคตจะเห็นเกษตรกรที่รวมกลุ่มฯ สามารถส่งออกข้าวไปยังผู้ซื้อต่างประเทศได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง มีรายได้เพิ่มอย่างยั่ง