กรมชลประทาน สรุปสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ เผยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 59,327 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯใช้การได้ 35,397 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,860 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ 8,164 ล้าน ลบ.ม.
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ VDO Conference ที่กรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพ วันที่29 พ.ย.64 ปัจจุบัน (29 พ.ย. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 59,327 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 35,397 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,860 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ 8,164 ล้าน ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สิ้นสุดฤดูฝนของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางแล้ว จึงได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่พิจารณาเก็บกักน้ำไว้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ และอ่างเก็บน้ำต่างๆ ไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งนี้ ตามข้อสั่งการของรัฐบาล โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)
สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม ให้ดำเนินการตามมาตรการรับมือน้ำหลากที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมกับติดตามสภาพอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(องค์กรมหาชน) หรือ สสน. และกรมอุทกศาสตร์ เพื่อนำมาบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด โดยใช้ระบบชลประทานให้เกิดประโยชน์สูงสุด พิจารณาปรับการระบายน้ำให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำให้น้อยที่สุด พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำให้แจ้งเตือนพื้นที่ด้านท้ายก่อนการระบายน้ำทุกครั้ง เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
ส่วนในพื้นที่ที่ไม่มีระบบชลประทาน จะใช้ระบบโทรมาตรในการติดตามปริมาณน้ำ นำมาวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ เพื่อทำการแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังและรับมือได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ยังได้เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร เครื่องมือ ให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที รวมทั้งร่วมบูรณาการกับหน่วยงานในท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำและสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
ดังนั้นจึงขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร 1460 สายด่วนกรมชลประทานได้ตลอดเวลา