ปรับสเปคน้ำมันดีเซลเหลือ B7 ส่อวุ่น สภาเกษตรกฯกับ 6 องค์กรณ์ค้าน ชี้ชัดไม่ชอบด้วยกฎหมาย

  •  
  •  
  •  
  •  

สภาเกษตรกรแห่งชาติ ร่วมพันธมิตร 6 องค์กรณ์ ออกโรงทำหนังสือถึงนายกฯ ค้านมติ กบง. ให้ปรับสเปคน้ำมันดีเซลเหลือ B7 ชนิดเดียว ระบุเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ระบุ กบง.ไม่มีอำนาจ เผยควรเป็นคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติเป็นผู้จารณา  ชี้สะท้อนให้เห็นความไม่แน่นอนนโยบายรัฐบาลที่จะมีผลกระทบต่อนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในภาคส่วนอื่น โดยเฉพาะนโยบายด้านพลังงาน เชื่อจะทำให้กระทบห่วงโซ่การผลิตปาล์มน้ำมันด้วย 

    นายสิทธิพร  จริยพงษ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ คนที่ 2  และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า  ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ให้ปรับสเปคน้ำมันดีเซลเหลือ B7 ชนิดเดียว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 นั้น

     ทางสภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วยสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช สภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ สภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร  สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นร่วมกันว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลที่จะมีผลกระทบต่อนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในภาคส่วนอื่นๆด้วย โดยเฉพาะนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลที่ส่งเสริมการผลิตไบโอดีเซล

     ฉะนั้นสภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วยพันธมิตรทั้ง 6 ดังกล่าว มีความเห็นร่วมกันว่า มติ กบง.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก กบง.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการประกาศใช้นโยบายให้ปรับสเปคน้ำมันดีเซลเหลือ B7 ชนิดเดียว ทั้งนี้การพิจารณาปรับใช้ไบโอดีเซลควรพิจารณาโดยคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ

     ทั้งนี้เพื่อให้มีแผนการใช้น้ำมันปาล์มเหมาะสมต่อการสต๊อกและการผลิตที่มีเสถียรภาพ มั่นคงและยั่งยืนต่อปาล์มน้ำมันทั้งระบบ จึงไม่เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนนโยบายรัฐบาล โดยลด B20 B10 ให้คงเหลือเพียง B7 ซึ่งนโยบายรัฐบาลควรมีความชัดเจน มั่นคง และยั่งยืน   มติ กบง. มีผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตปาล์มน้ำมันตั้งแต่ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรรายย่อยจนถึงอุตสาหกรรมการผลิตไบโอดีเซลและแปรรูปปาล์มน้ำมัน  

    นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และเชื้อเพลิงทั้งระบบให้มีความเป็นธรรมต่อประชาชนและควรเร่งวางพื้นฐานและปรับปรุงโครงสร้างการขนส่งของประเทศให้มีประสิทธิภาพและมีความก้าวหน้า รวดเร็ว ทันสมัย มีความปลอดภัย มีความสมดุลต่อสังคมและมีโครงสร้างราคาค่าขนส่งที่เป็นธรรมต่อประชาชน  

   ด้วยเหตุนี้สภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วยสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช สภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ สภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร  สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงขอคัดค้านมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ดังกล่าว และได้ส่งหนังสือกราบเรียนพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อโปรดทราบและให้กระทรวงพลังงานพิจารณาทบทวนมติให้คงอัตราส่วนผสม B20  B10 ไว้เช่นเดิม