เร่งประสานจีน ผวาปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงผันผวนอีกช่วงรอยต่อฤดูแล้งกับฤดูฝนที่จะถึงนี้

  •  
  •  
  •  
  •  

ประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงฯ ชอบให้ สทนช. และกระทรวงการต่างประเทศประสานกับจีนหาข้อสรุปร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำจากแม่น้ำล้านช้างสู่แม่น้ำโขง ช่วงรอยต่อระหว่างฤดูแล้งกับฤดูฝน ชี้อาจเกิดการผันผวนของปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงอีกครั้ง  “ประวิตร”  เผยปัจจุบันแม่น้ำโขงมีสภาวะผันผวนจากหลายปัจจัย ทำให้ผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมฝั่ง พร้อมเร่งรัดให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการระหว่างไทย-สปป.ลาว ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

      วันที่ 21 เมษายน 2564 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า ปัจจุบันแม่น้ำโขงมีสภาวะผันผวนจากหลายปัจจัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมฝั่งโขง ทั้งนี้ จากการคาดการณ์โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พบว่า ปริมาณน้ำช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. 64 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูแล้งกับฤดูฝน อาจเกิดการผันผวนของปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงอีกครั้ง เนื่องจากปริมาณฝนในปีนี้จะมีมากและมาเร็วในช่วงต้นฤดูฝน ที่ประชุมจึงได้มีมติเห็นชอบให้ สทนช. และกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการประสานกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำจากแม่น้ำล้านช้างสู่แม่น้ำโขง พร้อมเร่งรัดให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการระหว่างไทยและ สปป.ลาว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

                                                                        พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

     “ที่ประชุมวันนี้ ยังได้ติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศแม่น้ำโขงต่อวิถีชีวิตของประชาชนในลุ่มแม่น้ำโขง 7 จังหวัด จากการหารือระหว่างสมาคมเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน (คสข.) กับผู้แทนส่วนราชการ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้อง 7 ข้อ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ก็ได้มอบหมายให้ สทนช. ดำเนินการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นในลำน้ำโขงอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ร่วมกับภาคประชาชนและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาผลกระทบ เสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้ความเห็นชอบ และมีมติให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมดังกล่าวต่อไปด้วย” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว 

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์

      ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การประชุมในวันนี้ยังได้มีการพิจารณาสถานะกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าภายใต้ระเบียบปฏิบัติ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง (PNPCA) โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว รวมถึงการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนของแผนพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขง ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการศึกษาร่วมกัน (Joint Study) เพื่อกำหนดพื้นที่รับประโยชน์ให้ชัดเจน โดยโครงการที่เสนอจะต้องไม่ซ้อนทับกับพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการในประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยเร่งผลักดันการศึกษาร่วมที่จะเกิดขึ้น

      “การแก้ปัญหาเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์แม่น้ำโขงและการดูแลประชาชน รวมทั้งการติดตามเรื่องเขื่อนในแม่น้ำโขง เป็นประเด็นที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดย สทนช. จะนำข้อมติของการประชุมในวันนี้ไปเร่งดำเนินการให้เกิดรูปธรรมอย่างชัดเจน และด้วยปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ปี 2564 จึงจะมีการผลักดันอย่างเต็มที่ในประเด็นท้าทายที่ต้องสานต่อและดำเนินการร่วมกัน อาทิ การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการรุกล้ำของน้ำเค็ม การต่อสู้กับปัญหาด้านอุทกภัยและภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต เป็นต้น ขณะเดียวกัน ปีนี้ยังถือเป็นปีสำคัญที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะมนตรี ครั้งที่ 28 และการประชุมปรึกษาหารือร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ครั้งที่ 26 ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดการประชุมได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 รวมถึงต้องมีการเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2565 อีกด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย.