เกษตรฯ ผนึก ADB ปักหมุด ต.บัวใหญ่ น่าน รับมือภัยธรรมชาติเปลี่ยนแปลง-คุกคามภาคเกษตร

  •  
  •  
  •  
  •  

กระทรวงเกษตรฯ ผนึก ADB เปิดตัวโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในภาคเกษตร บนพื้นที่สูง ปักหมุดเป้าหมาย ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน พร้อมรับมือภัยธรรมชาติ ทำการเกษตรแบบเท่าทันภูมิอากาศด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

     นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นประเด็นท้าทายของโลกมายาวนานนับสิบปีแล้ว ซึ่ง ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตรที่ต้องเผชิญความท้าทายในมิติต่าง ๆ จากภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงและความถี่มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการเกษตรทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนพื้นที่สูง ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ที่ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย  ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงได้ร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asia Development Bank: ADB) มาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อดำเนินโครงการ “การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรเพื่อเพิ่มการฟื้นตัวและความยั่งยืนในพื้นที่สูง (Climate Change Adaptation in Agriculture for Enhanced Recovery and Sustainability of Highlands)” 

                                                                  เฉลิมชัย ศรีอ่อน

     ทั้งนี้ได้ร่วมกันคัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย ณ ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการ เนื่องจากเป็นพื้นที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งเป็นพื้นที่สูงที่ประสบปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการขาดแคลนน้ำ โดยมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดน่าน เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับ ADB รับผิดชอบหลักในระดับพื้นที่ ซึ่งตลอดระยะเวลาของการพัฒนาโครงการฯ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส่วนภูมิภาค ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

        ล่าสุด ADB ได้เสนอโครงการฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการจ้างที่ปรึกษา เพื่อจัดทำโครงการในลักษณะเป็นจุดสาธิตการทำเกษตรบนพื้นที่สูงในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ณ ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงการคลัง ประเทศญี่ปุ่น ผ่านกองทุนเพื่อการลดความยากจนของรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ มีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 3 ปี 

      โดยมีมีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียเป็นที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งได้เริ่มต้นดำเนินโครงการแล้ว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 และจะมีการสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่สูงได้เรียนรู้วิธีการและแนวทางการปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การรับมือและปรับตัวกับภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสมกับพื้นที่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวของชุมชนบนพื้นที่สูง รวมถึงการจัดการระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

        สำหรับผลสำเร็จของโครงการฯ ได้กำหนด 4 ผลผลิต คือ ผลผลิตที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานสำหรับประเมินความเปราะบางของเกษตรพื้นที่สูงดีขึ้น  ผลผลิตที่ 2 มีระบบการเกษตรที่เท่าทันต่อสภาพภูมิอากาศ  ผลผลิตที่ 3 ผลิตภัณฑ์การเกษตรมีคุณภาพ มูลค่าและความเชื่อมโยงกับตลาดเพิ่มขึ้น และ ผลผลิตที่ 4 ส่วนราชการท้องถิ่นและชุมชนเกษตรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้น 

        “กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่สูงได้เรียนรู้วิธีการและแนวทางการปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อรับมือและปรับตัวกับภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสมของพื้นที่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อีกทั้งยังพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการร่วมกันดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการฯ รวมถึงธนาคารพัฒนาเอเชีย ตลอดจนสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียที่ให้การสนับสนุนความช่วยเหลือทางวิชาการ เพื่อช่วยกันพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่สูงให้สามารถปรับตัวและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสามารถเป็นต้นแบบขยายผลไปสู่การทำเกษตรในพื้นที่สูงอื่น ๆ ต่อไป” นายเฉลิมชัย กล่าว