เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว บริการน้ำมันดีเซล B10 ตามนโยบาย Energy For All ราคาถูกลงลิตรละ 2 บาท คาดว่ากลางปี 2563 จะใช้ถึง 57 ล้านลิตรต่อวัน ช่วยลดการปล่อยมลพิษ ลดฝุ่นละออง ได้ร้อยละ 15 และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ประมาณร้อยละ 5
ในที่สุดตามที่กระทรวงพลังงาน ได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายพลังงานทดแทน เพื่อประชาชนทุกระดับตามนโยบาย Energy For All ที่ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของน้ำมนดีเซล B20 และน้ำมันดีเซล B10 และได้ประกาศให้น้ำมัน B10 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศแทน B7 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยที่ให้น้ำมันดีเซล B7 เป็นทางเลือกสำหรับรถเก่า และรถยุโรป ส่วน B20 เป็นทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่คาดกันว่า การผลักดันให้มีการใช้น้ำมันไบโอดีเซลสำหรับทั้ง B10 และ B20 จะทำให้การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40% จากปัจจุบันนั้น
ล่าสุดเมื่อ – 12:30 น. วันที่ 1 มกราคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการงาน บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ร่วมกิจกรรมเติมน้ำมัน และแจกของที่ระลึกเป็นของขวัญ และสวัสดีปีใหม่ 2563 กับประชาชนที่ใช้บริการเติมน้ำมันที่ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station วิภาวดี 11 ซึ่งถือว่าเป็นการประเดิมเปิดบริการ ให้ใช้และผลักดันดีเซล B10 น้ำมันเกรดมาตรฐาน อย่างเป็นทางการ
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้(1 ม.ค.63) เป็นวันประเดิมใช้ดีเซล B 10 อย่างเป็นทางการตามนโยบาย Energy For All จึงลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินนโยบายที่กำหนดน้ำมันดีเซล B10 ให้เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐานนั้น ถือเป็นย่างก้าวสำคัญของรากฐานด้านพลังงานในสังคมไทย ที่รัฐบาลขับเคลื่อนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ฉะนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป น้ำมันดีเซล B10 จะเป็นหนึ่งในน้ำมันเกรดมาตรฐาน ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานไทย 4 ด้าน คือ
1.สร้างสมดุลปาล์มน้ำมันในประเทศทั้งระบบ ราคาปาล์มมีเสถียรภาพ ตามที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง, 2. ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) คิดเป็น 2 ใน 3 ของกำลังการผลิต CPO ในไทย และลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลจากปิโตรเลียม, 3. ช่วยลดมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM. 2.5 ที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่, และ 4. ประชาชนจะได้ใช้น้ำมันราคาถูกลงและมีคุณภาพมากขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า จุดหมายสำคัญด้านพลังงานของประเทศไทยที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบในการหันมาใช้ดีเซล B10 แทนที่ B7 พร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งกระทรวงพลังงานยืนยันว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ดีเซล B10 จะมีความพร้อมจำหน่ายในทุกสถานี เพื่อบริการพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน คาดว่า จะมีการใช้ไม่น้อยกว่า 7 ล้านลิตรต่อวัน จากสถานีจำหน่ายที่ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ได้ขยายถึงกว่า 500 สถานี และจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า เมื่อถึงกลางปี 2563 จะใช้สูงขึ้นถึงประมาณ 57 ล้านลิตรต่อวัน ช่วยลดการปล่อยมลพิษ ลดฝุ่นละออง (PM) ได้ประมาณร้อยละ 15 และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ประมาณร้อยละ 5 นอกจากนี้ ยังช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปได้อีก 2 บาทต่อลิตร