กรมชลฯย้ำอีกครั้ง น้ำในเขื่อนวิกฤตสุดๆ เสี่ยงขาดแคลนน้ำใช้ในอนาคต

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมชลประทานออกโรง ขอความมื่อจากทุกภาคส่วนอีกครั้ง ให้ใช้อย่างประหยัดแบบสุดๆ เพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ในอนาคต หลังพบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศหลายแห่ง มีปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์น้อย เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีน้ำที่ใช้ได้เพียง 5,235 ล้าน ลบ.ม. จะ ส่งน้ำให้สำหรับการอุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ และไม้ผลไม้ยืนต้นเท่านั้น ขณะที่อีก 6 เขื่อมีน้ำไม่ถึง 30% เขื่อนพระเพลิงมีน้อยที่สุดแค่ 20%

       ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,931 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 5,235 ล้าน ลบ.ม. วางแผนส่งน้ำเฉพาะสนับสนุนการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และไม้ผลไม้ยืนต้น เท่านั้น

       สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ในเกณฑ์ระหว่างร้อยละ 31 – 50 ของความจุอ่างฯ ปัจจุบันมีจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก, เขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง, เขื่อนแม่มอก จังหวัดลำปาง, เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ, เขื่อนมูลบน จังหวัดนครราชสีมา, เขื่อนลำแชะ จังหวัดนครราชสีมา, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี, เขื่อนสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา และเขื่อนประแสร์จังหวัดระยอง สามารถสนับสนุนได้เฉพาะการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และการปลูกพืชใช้น้ำน้อย เท่านั้น

      ส่วนอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแม่กวง-อุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 70 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุอ่างฯ น้ำใช้การได้ 56 ล้าน ลบ.ม. , เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น มีปริมาณน้ำ 570 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 23 ของความจุอ่างฯ ปัจจุบันเริ่มนำน้ำก้นอ่างฯมาใช้ ซึ่งจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของตัวเขื่อนแต่อย่างใด , เขื่อนลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 31 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ 30 ล้าน ลบ.ม. , เขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 25 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 21 ของความจุอ่างฯ น้ำใช้การได้ 22 ล้าน ลบ.ม. , เขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาณน้ำ 37 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 23 ของความจุอ่างฯ น้ำใช้การได้ 20 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ 63 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 21 ของความจุอ่างฯ น้ำใช้การได้ 23 ล้าน ลบ.ม. ทั้งหมดสามารถสนับสนุนการใช้น้ำเฉพาะการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น

      ทั้งนี้ จากสถานการณ์น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่อยู่ในเกณฑ์น้อยดังกล่าวข้างต้น กรมชลประทาน จำเป็นต้องตามแผนการจัดสรรน้ำอย่างรัดกุม พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่แต่ละโครงการชลประทาน ลงพื้นที่ไปสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ให้กับประชาชนให้มากที่สุด จึงขอทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า