สว.ตะลุยพื้นที่เกาะเต่าหวังแก้ปัญหาที่ดินทำให้ชาวบ้านที่มีปัญหากับกรมธนารักษ์ยาวนานกว่า 40 ปี

  •  
  •  
  •  
  •  

รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1  “พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” ควง สว.ตะลุยพื้นที่เกาะเต่า อ.เกาะพังัน จ.สุราษฎร์ธานี พิสูจน์ปัญหาที่ดินทำกิน ของชาวบ้านกับกรมธนารักษ์ที่ยืดเยื้อมาจากว่า 40 ปี หวังหาทางออกให้ชาวบ้านมีสิทธิถือครองที่ดินโดยเร็วสุด หงังพบลหลักฐานชัดว่า ชาวบ้านปักทำกินตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2480 

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ก็ได้นำคณะโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคใต้ตอนบน และคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา นำโดย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานกรรมาธิการ และ ดร.จำลอง อนันตสุข เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ พร้อมทั้งนายกิตติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านเกาะเต่า ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อรับฟังปัญหาและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทำกินและการถือครองที่ดินในพื้นที่เกาะเต่า

พล.อ.เกรียงไกร  กล่าวว่า สิทธิการถือครองที่ดิน เป็นประปัญหาหลัก ซึ่งก็ต้องขอบคุณข้อมูลจากพี่น้องชาวเกาะเต่าที่ได้มอบให้กับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งในครั้งนี้คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภาก็ได้ร่วมเดินทางมารับฟังปัญหาและศึกษาหาข้อเท็จจริง ซึ่งก็จะได้รวบรวมทั้งหมดและนำไปหาแนวทางในการช่วยเหลือ ให้ได้มีสิทธิในการครอบครองที่ดินทำกินโดยเร็ว

ทางด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ก่อนลงพื้นที่คณะเราก็ได้ทำการศึกษาข้อมูลในเรื่องของข้อกฎหมาย ระเบียบอื่นๆ มาพอสมควร ซึ่งเมื่อได้มารับฟังปัญหาก็สามารถฟันธงได้เลยว่าการประกาศขึ้นทะเบียนของกรมธนารักษ์มีความคลาดเคลื่อน เพราะเดิมนั้นเรือนจำใช้พื้นที่เพียงบางส่วนของเกาะ จึงไม่สามารถไปประกาศเป็นพื้นที่ราชพัสดุทั้งเกาะ และการแค่ไปจดแจ้ง ไม่ได้หมายความว่าได้เป็นผู้ครอบครองแล้ว

นายจำลอง กล่าวอีกว่า การที่จะได้สิทธิครอบครองอย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อจดแจ้งแล้วจะต้องทำประโยชน์บนพื้นที่ดินนั้น ซึ่งก็ไม่ได้ปรากฏว่าราชพัสดุเข้าไปทำประโยชน์ มีแต่ชาวบ้านที่อพยพมาจากทั้งเกาะพะงัน และเกาะสมุย เข้าไปทำกิน ซึ่งสวนมะพร้าวถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าชาวบ้านมาทำประโยชน์บนเกาะนี้มานานร่วมร้อยปีแล้ว

“จากนี้ก็จะรวมนำข้อมูล หลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดไปทำการศึกษาเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ ซึ่งอาจจะใช้เวลาบ้าง แต่เมื่อได้เห็นความทุกข์ร้อนของประชาชน ก็จะรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ครับ” ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กล่าว

ทั้งนี้ปัญหาข้อพิพาทปัญหาที่ดินจำนวน 15,000 ไร่ระหว่างชาวบ้านและกรมธนารักษ์ ยืดเยื้อมายาวนานกว่า 40 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2529 ราษฏรเกาะเต่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปหลายแห่ง เช่น รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษย์ชน, ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4)

แฟ้มภาพ

โดยชาวบ้านในเกาะเต่าอาศัยอยู่มานานตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2480 ก่อนที่ราชทัณฑ์จะมาสร้างเรือนจำปี พ.ศ. 2485 พอเรือนจำไม่ได้ใช้งาน ทางกรมธนารักษ์ ก็แจ้งสิทธิการครอบครอง ส.ค.1 และขึ้นทะเบียนเกาะเต่าเป็นที่ราชพัสดุทั้งเกาะจำนวน 15,000 ไร่ หรือประมาณ 21 ตารางกิโลเมตร ซี่งความจริงแล้ว เรือนจำ มีเนื้อที่เพียง 25 ไร่เท่านั้น

ในปี พ.ศ.2498 ราษฎรเกาะเต่าที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินไปขึ้นทะเบียนสิทธิครอบครองที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) แต่ไม่สามารถแจ้งสิทธิการครอบครองได้ สรรพากรอำเภอเกาะสมุย ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลังได้แจ้งการครอบครองที่ดินบริเวณเกาะเต่า เนื้อที่ 15,000 ไร่ เกินกว่า 25 ไร่ ที่กรมราชทัณฑ์ครอบครอง ซึ่งเป็นการขึ้นทะเบียนโดยความผิดพลาดคลาดเคลื่อน แต่ชาวบ้านยังคงครอบครองและทำกินในที่ดินดังกล่าวต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน