สทนช. เปิดเวทีรับฟังเสียงคนริมโขงต่อผลกระทบข้ามพรมแดน กรณีโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว เวทีสุดท้าย

  •  
  •  
  •  
  •  

สทนช. ลงพื้นที่ จ.บึงกาฬ เปิดเวทีให้ข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว ครั้งที่ 4 เวทีสุดท้าย พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนต่อผลกระทบข้ามพรมแดนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงกรณีเขื่อนสานะคาม ของ สปป.ลาว และเตรียมจัดทำแบบตอบกลับเป็นความเห็นของไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเสนอคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยพิจารณาก่อนเสนอต่อคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ต่อไป

วันเมื่อที่13 กุมภาพันธ์ 2568 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานเปิดเวทีให้ข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว ครั้งที่ 4 โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวต้อนรับ และนายพรประเสิด พูริพัน เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติลาว เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลการดำเนินโครงการ พร้อมด้วย ผู้แทนหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตลอดจนผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคมริมน้ำโขง เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น  ณ โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ และถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ของ สทนช. เพื่อให้ผู้สนใจทั่วไปร่วมรับฟังด้วย

ดร.สุรสีห์กล่าวว่า สถานที่ตั้งของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคามอยู่ใกล้กับพรมแดนประเทศไทยและ สปป.ลาว ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ขึ้นไปทางเหนือน้ำเพียง 2 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนมีความห่วงกังวลในเรื่องของผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการก่อสร้างโครงการ ตั้งแต่ระดับนานาชาติจนถึงระดับชุมชน โดยเฉพาะชุมชนในพื้นที่ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง เนื่องจากเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งด้านอุทกวิทยา การเปลี่ยนแปลงของร่องน้ำลึกและเส้นเขตแดน ระบบนิเวศ เศรษฐกิจสังคม วิถีชีวิตของประชาชน ตลอดจนความปลอดภัยของโครงสร้างเขื่อน รวมทั้งผลกระทบสะสมข้ามพรมแดนในมิติต่างๆ จึงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้นการรับฟังเสียงของประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (TNMCS) ทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานภายใต้กรอบความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (TNMC) ให้ดำเนินการจัดเวทีให้ข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว จำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 – เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยมีผู้แทนสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และที่ปรึกษาระดับประเทศ เป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากการดำเนินการของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม เพื่อเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยครั้งแรกจัดขึ้นที่จังหวัดเลย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 และครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา สำหรับเวทีในวันนี้ เป็นเวทีที่ 4 ณ จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นเวทีสุดท้ายและจัดขึ้น 2 วัน (ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2568)

เลขาธิการ สทนช. กล่าวอีกว่า สิ่งที่ สทนช. ยึดมั่นและให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ ผลการศึกษาที่เป็นไปตามหลักวิชาการที่ประกอบด้วยข้อมูลรายละเอียดของผลกระทบข้ามพรมแดนต่อประเทศไทยอันเกิดจากการก่อสร้างโครงการ ทั้งหมดเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ และภาคประชาชน ได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็น ข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะต่อโครงการ เพื่อที่ สทนช. จะนำไปจัดทำเป็นแบบตอบกลับความเห็นของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Reply form) และรายงานต่อคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยเพื่อพิจารณาเห็นชอบ และเพื่อแจ้งประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 หรือ MRC 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม ตามขั้นตอนที่ได้ตกลงร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ต่อไป

ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ในฐานะประธานกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย มีความกังวลในเรื่องผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงได้กำชับให้ สทนช. ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นให้ครอบคลุมและครบถ้วนทุกด้าน และรวบรวมความเห็นทั้งจากประชาชน หน่วยงาน และนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง  โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้จากที่ประชุมในวันแรกนี้ ผู้เข้าร่วมสามารถนำไปเผยแพร่ ปรึกษาหารือกันและจัดทำความเห็นส่ง สทนช. ได้จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568

สำหรับในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นการสรุปประเด็นข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะจากเวทีครั้งที่ 1-4 และนำเสนอการยกร่างแบบตอบกลับ (Reply form) ซึ่ง สทนช. ได้ยกร่างขึ้นจากข้อคิดเห็นที่รวบรวมได้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมพิจารณาและเพิ่มเติมส่วนที่ขาดหรือตกหล่นไป หลังจากนั้น สทนช. จะนำร่างเอกสารที่ได้ไปปรับปรุงเนื้อหาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด และนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการด้านกลั่นกรองและบูรณาการด้านยุทธศาสตร์ ภายใต้คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และเสนอคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) และประเทศสมาชิก MRC ต่อไป” เลขาธิการ สทนช. กล่าว