สทนช. ขอรับงบฯปี 68 จากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง แก้ปัญหาน้ำข้ามพรมแดนทะลักแม่น้ำสาย-รวก

  •  
  •  
  •  
  •  
สทนช.ทำข้อเสนอขอรับงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ปี 68 ดำเนินโครงการเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมืองต่อภาวะอุทกภัยภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการแจ้งเตือนอุทกภัยล่วงหน้าและระบบการสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการอุทกภัยข้ามพรมแดน
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดระหว่างนำคณะผู้แทนประเทศจีน ศึกษาดูงานพื้นที่ประสบอุทกภัย ณ จังหวัดเชียงรายว่า แม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นชายแดนระหว่างไทยและเมียนมา ในช่วงฤดูฝนจะประสบปัญหาน้ำท่วมชุมชนเมืองโดยรอบทั้ง 2 ฝั่งของประเทศ และบริเวณพื้นที่ทำการเกษตร แต่เมื่อถึงฤดูแล้งจะประสบปัญหาไม่มีน้ำสำหรับเกษตรกรรม โดยที่ผ่านมา สทนช. ได้ดำเนินโครงการวิจัยร่วมเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย – น้ำรวก ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC) ปี 61 แต่โครงการไม่สามารถดำเนินได้ตามแผนเนื่องจากการแพร่ระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 จึงต้องมีปรับเปลี่ยนงบประมาณและแผนการดำเนินงาน
ในปีนี้ สทนช. จึงได้จัดทำข้อเสนอขอรับงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ปี 68 สำหรับดำเนินโครงการเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมืองต่อภาวะอุทกภัยภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการแจ้งเตือนอุทกภัยล่วงหน้าและระบบการสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการอุทกภัยข้ามพรมแดน รวมถึงเสริมสร้างขีดความสามารถให้ชุมชนสามารถตั้งรับปรับตัวกับสถานการณ์อุทกภัยได้ โดยในระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. 67 สทนช. พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากประเทศจีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมศึกษาดูงานพื้นที่ประสบอุทกภัย ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการหารือเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
“การลงพื้นที่ศึกษาดูงานในครั้งนี้ ได้ติดตามสภาพพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยบริเวณอำเภอแม่สาย และอำเภอท่าขี้เหล็ก เมียนมา จากทัศนียภาพมุมสูงบริเวณวัดพระธาตุดอยเวา รวมถึงบริเวณสถานีสูบน้ำดิบจากน้ำแม่สาย สะพานมิตรภาพแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 และตลาดสายลมจอย อำเภอแม่สาย นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาดูงานที่สบรวก สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอแม่สาย และสถานีวัดระดับน้ำแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน ด้วย โดย สทนช. ได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวร่วมกับผู้แทนจากประเทศจีน ซึ่งแผนการดำเนินงานในระยะเริ่มแรกจะมีการประเมินความต้องการสำหรับระบบเตือนภัย จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคโนโลยีและแนวปฏิบัติระหว่างไทย เมียนมา และจีน ในประเด็นการติดตามด้านอุตุ – อุทกวิทยา การแบ่งปันข้อมูล และระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การศึกษาร่วมและการลงพื้นที่สำหรับติดตั้งสถานีตรวจวัดข้อมูลอุตุ – อุทกวิทยา ในบริเวณต้นน้ำสาย – รวก ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรทุนของประเทศจีน เพื่อเป็นงบประมาณในการดำเนินโครงการต่อไป” ดร.สุรสีห์ กล่าว
เลขาธิการ สทนช.กล่าวอีกว่า สำหรับการมาเยือนประเทศไทยในคราวนี้ สทนช. และคณะผู้แทนจากประเทศจีน รวมถึงผู้แทนจากประเทศสมาชิกแม่โขง – ล้านช้าง ได้แก่ เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ยังได้ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการหารือระดับภูมิภาค ครั้งที่ 2 ณ โรงแรมเดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ต จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรายงานผลการดำเนินโครงการและถอดบทเรียนจากโครงการที่ สทนช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ปี 65 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างเครือข่ายผู้นำเยาวชนด้านน้ำในระดับภูมิภาคล้านช้าง – แม่โขง ซึ่งช่วยส่งเสริมบทบาทและศักยภาพของเยาวชนจาก 6 ประเทศของภูมิภาคในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืนของภูมิภาคในอนาคต
อีกโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะด้านน้ำที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระบบนาข้าวระดับภูมิภาคล้านช้าง – แม่โขง เพื่อเร่งรับมือกับปัญหาภัยแล้งและภาวะขาดแคลนน้ำจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ชาญฉลาดต่อสภาพภูมิอากาศมาใช้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ช่วยส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยมีจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่นำร่องดำเนินการ โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าว มีสถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม (SEI) และสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ERIC) เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการตามแผนงาน มีกำหนดเสร็จสิ้นในเดือน ธ.ค. นี้