เดินหน้าเชิงรุก 8 โครงการแผนพัฒนาประมงแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืนเตรียมชงที่ประชุมประมงเอเปค2022 พ.ย.นี้

  •  
  •  
  •  
  •  

ไทยเดินหน้า 8 โครงการเชิงรุกแผนพัฒนาประมงแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืนมอบกรมประมงเป็นแม่งาน ประสานความร่วมมือทุกภาคีเครือข่าย จัดฟอรั่มเสนอประเด็นแม่น้ำโขงต่อที่ประชุมประมงเอเปค 2022 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตีเส้น ห้ามการเมืองเรื่องมหาอำนาจเกี่ยวข้อง

     นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อภาคการเกษตรจากการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของแม่น้ำโขง เปิดเผยวันนี้ (20 พ.ค.) ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อภาคการเกษตรจากการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของแม่น้ำโขง ครั้งที่ 2/2565 เป็นการประชุมแบบ Hybrid ณ ห้องประชุม 134 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านการประชุมออนไลน์ zoom cloud meeting โดยมีคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ  นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมงทำหน้าที่เลขานุการการประชุม

      ในที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้เสนอแผนพัฒนาด้านการประมงในพื้นที่แม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2566 – 2570 และได้รับความเห็นชอบจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมแล้ว ให้ดำเนินการตามแผนเป็นฉบับแรกของประเทศเพื่อป้องกันและรองรับปัญหาการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศที่เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนริมแม่น้ำโขง

      นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้กรมประมงเดินหน้าขับเคลื่อน 8 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงเพื่อสร้างรายได้ 2. โครงการส่งเสริมอาชีพประมง กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเกษตรกร 3. โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม 4. โครงการปล่อยปลาเอิน (ปลายี่สกไทย) คืนสู่แม่น้ำโขง 5. โครงการ “ประมงอาสาพาปลากลับบ้าน ในพื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ” ด้วยชุดอุปกรณ์เพาะฟักแบบเคลื่อนที่ (Mobile hatchery)

       6. กิจกรรมการติดตามผลจับสัตว์น้ำในแม่น้ำโขงและการศึกษาความชุกชุมและความหลากหลายสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง ประเทศไทย (FADM) 7. กิจกรรมบริหารจัดการทรัพยากรประมงเชิงระบบนิเวศ (EAFM) ชุมชนประมงแม่น้ำโขง และ 8. โครงการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพระบบนิเวศแหล่งปลาหน้าวัดบริเวณแม่น้ำโขง

      นายอลงกรณ์ กล่าวว่า แม่น้ำโขงมีการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติจากภาวะระดับน้ำขึ้นน้ำลงแบบฉับพลันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ จึงมีมติมอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการศึกษาและนำเสนอระบบการติดตามและแจ้งข่าวสาร (Monitor & Information) เพื่อติดตามปัญหาการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในลุ่มน้ำโขงที่กระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนลุ่มน้ำโขง และควรออกแบบระบบใหม่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต Next Normal

      ดังนั้นจึงมอบหมายฝ่ายเลขานุการ ฯ จัดการประชุมหารือเครือข่ายภาคประชาสังคมลุ่มน้ำโขงและหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำข้อเสนอประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขเสนอต่อคณะกรรมการฯ และ รมว.เกษตรฯเพื่อพิจารณาเสนอในการประชุมประมงเอเปค (APEC) ในวาระที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยต้องไม่มีประเด็นการเมืองในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจมาเกี่ยวข้องในการสัมมนาดังกล่าว ซึ่งตัวแทนเครือข่ายลุ่มน้ำโขงภาคประชาสังคมและตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิเห็นด้วย

     นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานการจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นใน 8 จังหวัดริมน้ำโขง ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และจเชียงราย ตลอดจนรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และขยายพลับพลึงธารที่พบในจังหวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ เดือนกันยายน 2564 จนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นพืชน้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเดิมพบแต่ในจังหวัดพังงาและระนองรวมทั้งมอบหมายให้กรมประมงติดตามตรวจสอบเครื่องมือประมงที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นเครื่องมือทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง ตลอดจนการส่งเสริมการเลี้ยงสาหร่ายเป็นอาหาร เวชสำอาง และเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งสาหร่ายทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มยังช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซเรือนกระจกช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย.