กรมประมงส่ง จนท.บุกพิสูจน์ “แพลงก์ตอนบลูม” ที่หาดดวงตะวันระยอง ยันไม่มีอันตราย

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมประมง  ส่งเจ้าหน้าที่บุกพิสูจน์ปรากฏการณ์  “แพลงก์ตอนบลูม” บริเวณหาดดวงตะวัน ทำให้น้ำทะเลบริเวณชายหาดดวงตะวัน ตลอดแนวยาวถึงแหลมลูกโยน – วังแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมระยะทางกว่า  3 กม.เป็นสีเขียว พบว่า เกิดจาก แพลงก์ตอนพืชกลุ่ม ไดโนแฟลกเจลเลตชนิด และชนิด Cerarium sp. ล่าสุดไม่มีกลินคาว และสภาพน้ำสู่เกณฑ์ปกติแล้ว

     จากการที่ชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็กท่าเรือแกลง พบน้ำทะเลบริเวณชายหาดดวงตะวัน ตลอดแนวยาวถึงแหลมลูกโยน – วังแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ 3 กม.เป็นสีเขียวเข้ม และมีลักษณะเป็นสายคล้ายวุ้นลอยอยู่พร้อมส่งกลิ่นเหม็นคาว หวั่นกระทบต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศนั้น ล่าสุดกรมประมงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าน้ำยังมีสีเขียว ไม่มีกลิ่น และเกณฑ์น่ำสูปกติแล้ว

     นายอำนวย คงพรหม ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล กรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวทันทีตามที่ได้รับแจ้งเหตุ พบว่าขณะนี้น้ำทะเลมีสีเขียวใส ไม่มีกลิ่นผิดปกติแล้ว และไม่พบการตายของสัตว์น้ำ

     จากผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ ชนิดแพลงก์ตอนที่พบเป็นแพลงก์ตอนพืชกลุ่ม ไดโนแฟลกเจลเลตชนิด Noctiluca sp. ที่มีความหนาแน่น 2,102 เซลล์ต่อลิตร และแพลงก์ตอนพืช ชนิด Cerarium sp. ที่มีความหนาแน่น 2,319 เซลล์ต่อลิตร โดยทั้งสองชนิดไม่สร้างสารชีวพิษไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำ แต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีดังกล่าว ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานก็จะกลับมาเป็นปกติ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำและความปลอดภัย ของผู้บริโภค รวมถึงการประมงอวนจมปูในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

      ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ “น้ำทะเลเปลี่ยนสี” หรือ แพลงก์ตอนบลูม สามารถเกิดขึ้นได้ในทะเลทุกแห่งทั่วโลก โดยส่วนใหญ่มักเกิดในช่วงฤดูฝน หากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องและมีคลื่นลมแรงเป็นเวลาหลายวันจะไปชะล้างธาตุอาหารที่อยู่ในพื้นดินบริเวณชายฝั่งลงสู่ท้องทะเล และเมื่อปริมาณธาตุอาหารมากพอบวกกับสิ่งแวดล้อม ที่เหมาะสม แพลงก์ตอนพืช (bloom) ก็จะเจริญเติบโตเพิ่มปริมาณได้อย่างรวดเร็ว

     เมื่อแพลงก์ตอนพืชตายลงและเริ่มสลายตัว น้ำทะเลบริเวณดังกล่าวจะเกิดการเน่าเสียทำให้มีลักษณะสีเขียวเป็นเมือกเหนียว มีกลิ่นคาวจัด ทำให้ค่าออกซิเจนลดลง และค่าแอมโมเนียสูงขึ้น และหากในบางพื้นที่มีแพลงก์ตอนพืชตายเป็นจำนวนมากอาจจะส่งผลกระทบทำให้สัตว์น้ำตายได้

อย่างไรก็ตามถึงแม้ปรากฏการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวครั้งนี้จะไม่รุนแรงบวกกับมีปริมาณฝนลดลง แต่ในบางพื้นที่ยังคงมีฝนตกอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงขอฝากแจ้งเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำและชาวประมง หากพบปรากฏการณ์ดังกล่าว สามารถแจ้งเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมประมงลงไปตรวจสอบ ได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง โทร. 038 651764 หรือติดต่อที่ กลุ่มวิชาการ กองวิจัยและพัฒนาประมงทะเล โทร. 02 561 2962