เตรียมของบฯ 2,000 ล้าน เดินหน้าโครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้ง 63

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                                                  อลงกรณ์ พลบุตร

กระทรวงเกษตรฯ เตรียมของบฯจากรัฐบาล 2,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งปี  63 และหวังช่วยเกษตรกร 4,590 คน ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID – 19 เป็นเวลา 3 เดือนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2563

         นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวางรวมถึงภาคอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ทั้งกุ้งแวนนาไม และกุ้งกุลาดำ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทย ที่มีสัดส่วนถึงร้อยละ 70 และมีมูลค่าการส่งออกรวมธุรกิจต่อเนื่องไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท ก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน ประกอบกับประเทศผู้นำเข้ากุ้งทะเลจากประเทศไทยรายใหญ่ 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 28 ญี่ปุ่น ร้อยละ 25 และสาธารณรัฐประชาชนจีน ร้อยละ 19 เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบและมีความเสียหายอย่างหนักจากวิกฤตโรคระบาดนี้

      ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง ตระหนักถึงปัญหาที่อาจส่งกระทบวงกว้างสู่ทุกส่วนในภาคอุตสาหกรรมกุ้งทะเล ตลอดจนคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกุ้งไทย จึงได้มีมติในคราวประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กรมประมงดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมกุ้งทะเลจากผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID – 19 ให้สามารถรักษาฐานการผลิตกุ้งทะเลและอาชีพของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้คงได้อย่างมั่นคง และรักษาเสถียรภาพราคากุ้งทะเลให้เกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล เป็นการช่วยเหลือผู้เกี่ยวข้องทั้งเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยง ผู้ผลิตลูกพันธุ์ ผู้ค้าปัจจัยการผลิต ห้องเย็น โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำและผู้ส่งออก

ทั้งนี้ โครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งปี 2563 ตั้งเป้าหมาย ปริมาณผลผลิตกุ้งทะเลที่ห้องเย็นรับซื้อจากเกษตรกร 45,900 ตัน เฉลี่ยเดือนละประมาณ 15,300 ตัน ประกอบด้วย กุ้งแวนนาไม 45,000 ตัน เฉลี่ยเดือนละ 15,000 ตัน และกุ้งกุลาดำ 900 ตัน เฉลี่ยเดือนละประมาณ 300 ตัน จำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 4,590 คน และจำนวนห้องเย็นและโรงงานแปรรูปที่เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 20 โรง ดำเนินงานในจังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล และมีระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2563

       “ในการดำเนินการครั้งนี้ จะขออนุมัติการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลโดยเร่งด่วน วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าชดเชยส่วนต่างด้านราคาซื้อขายกับราคาเป้าหมายนำตลาด ค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์สารตกค้างในกุ้งทะเล ค่าบริหารจัดการโครงการฯ” นายอลงกรณ์ กล่าว