อย่าเพิ่งอวด “ราคายางพาราพุ่งว่าเป็นผลงาน” ความจริงใกล้เข้ามาแล้ว!!

  •  
  •  
  •  
  •  

ดลมนัส กาเจ

นับตั้งแต่วันที่ 17  สิงหาคม 2567 ราคายางพาราเริ่มกระเตื้องขึ้นมาจากราคาที่ประคองอยู่ กก.ละ 40-41 บาทขยับขึ้นมาเป็น กก.ละ 42 บาท และพุ่งต่อเนื่องถึงจุดสูงสุดที่ซื้อ ณ โรงงานท้องถื่น เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ราคายางแผ่นดิบ กก.ละ 85.55 บาท น้ำยางสด ราคา กก.ละ  81.20 ขณะที่ ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา (อ.หาดใหญ่) ราคายางแผ่นร่มควันชั้น 3 ราคาสูงสุดเมื่อวันที่  18 มีนาคม  2567 กก.ละ 94.44 บาท จากนั้นราคาร่วงลงต่อเนื่อง

ล่าสุดวันที่ 1 เมษายน 2567 ราคายางแผ่นดิบ ณ โรงงานท้องถื่น กก.ละ  80.75 บาท น้ำยางสด ราคา กก.ละ 75.50 บาท เท่ากับลดลง กก.ละ 6 บาท ขณะที่ ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา (อ.หาดใหญ่) ราคายางแผ่นร่มควัน ราคาประมูล กก.ละ 87.99 บาท ซึ่งต้องรอดูว่าจากนี้ไปราคาจะปรับขึ้นหรือลดลงอย่างไร ขณะที่ต้นยางพารายังอยู่ในช่วงที่ผลัดใบ ยังไม่สามารถที่จะกรีดได้ต้องรอเดือนเกือนพฤษภาคมไปก่อน

วัน/เดือน/ปี
ท้องถิ่น
ราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา จ.สงขลา
ราคาสูงสุด
FOB. RSS3
(Bangkok)
ยางแผ่นดิบ
น้ำยางสด
(ณ โรงงาน)
ยางแผ่นดิบ
ยางแผ่นรมควัน ชั้น3
น้ำยางสด
Rss3 สูงสุด
ตลาดกลาง
1 เมษายน 2567
80.75
75.50
83.35
87.99
87.99
สงขลา
93.38
29 มีนาคม 2567
80.75
77.00
86.59
87.99
สงขลา
92.71
28 มีนาคม 2567
80.90
77.50
86.49
86.66
สงขลา
92.05
27 มีนาคม 2567
81.15
78.50
83.15
86.71
87.09
นครศรีธรรมราช
92.46
26 มีนาคม 2567
82.55
79.00
83.85
86.69
86.98
นครศรีธรรมราช
92.38
25 มีนาคม 2567
82.95
79.50
84.80
86.89
86.89
สงขลา
92.39
22 มีนาคม 2567
85.55
81.20
85.89
88.59
88.59
นครศรีธรรมราช
94.09
21 มีนาคม 2567
85.50
81.20
87.00
90.19
90.69
สงขลา
95.86
20 มีนาคม 2567
85.40
81.00
88.02
91.76
91.85
นครศรีธรรมราช
97.22
19 มีนาคม 2567
84.85
80.20
87.88
93.55
93.55
สงขลา
98.53
18 มีนาคม 2567
83.55
79.50
86.22
94.44
94.44
นครศรีธรรมราช
99.94
15 มีนาคม 2567
82.15
78.00
91.45
92.01
นครศรีธรรมราช
97.22
14 มีนาคม 2567
81.30
77.50
85.45
90.55
91.01
สุราษฎร์ธานี
96.36
13 มีนาคม 2567
80.00
77.00
84.65
88.88
90.09
นครศรีธรรมราช
95.17
12 มีนาคม 2567
78.85
75.80
87.43
88.25
สุราษฎร์ธานี
93.48
11 มีนาคม 2567
77.65
74.80
80.02
85.23
85.23
สงขลา
90.73
8 มีนาคม 2567
76.25
73.50
83.08
83.08
สงขลา
88.38
7 มีนาคม 2567
74.80
73.20
78.88
81.09
81.09
สงขลา
86.59
6 มีนาคม 2567
74.00
72.80
79.45
79.45
สุราษฎร์ธานี
84.95
5 มีนาคม 2567
73.15
72.30
78.38
78.38
นครศรีธรรมราช
83.88
4 มีนาคม 2567
72.55
71.80
74.59
77.80
77.89
สุราษฎร์ธานี
83.36
1 มีนาคม 2567
72.00
70.50
74.72
77.29
77.56
สุราษฎร์ธานี
82.88
29 กุมภาพันธ์ 2567
71.90
70.00
74.38
77.16
77.16
สงขลา
82.68
28 กุมภาพันธ์ 2567
71.90
69.25
74.02
77.28
77.38
นครศรีธรรมราช
82.68

ที่มา : การยางแห่งประเทศไทย

การที่ราคายางพาราขยับขึ้นในช่วงที่ผ่านมามาจากหลายๆปัจจัยมาผสมผสานกัน อย่างน้อยนโยบายการปราบสินค้าเกษตรเถื่อนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ส่วนหนึ่ง ที่สามารถสกัดการลับลอบนำเข้ายางพาราตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับช่วงที่ยางพาราเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลผลิดใบ ผลผลิตในประเทศลดลง การลักลอบนำเข้าไม่มี ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังมาแรงความต้องการยางมากขึ้น

ประจวบเหมาะช่วงปลายปีที่ผ่านเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บสต๊อกยางของจีน ในเขตการค้าเสรีฉินหวงเต่า เมืองชิงเต่า ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับผลิตภัณฑ์ยางในโกดัง 9,600 ตัน จีนต้องเร่งหาวัตถุดิบมาสำรองทดแทน แต่เป็นช่วงยางผลัดใบ ส่งผลให้ยางในตลาดขาดแคลนราคาจึงพุ่งขึ้นมา ขณะที่ประเทศผู้ผลิตรายใหญารองลงมาอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซียลดพื้นที่การปลูกและไปปลูกพืชขนิดอื่นทดแทนล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น

ที่จริงก่อนหน้านี้เมื่อค้นปี นายเพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) ได้ประเมินว่า เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานยางจีน ในเขตการค้าเสรีฉินหวงเต่า เมืองชิงเต่า ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับผลิตภัณฑ์ยางในโกดัง 9,600 ตัน เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2566 จะทำให้ราคายางในประเทศไทยสูงขึ้น และเป็นไปตามที่คาดไว้ ขณะนี้คาดว่า จีนคงได้สำรองสต๊อกยางดิบได้ในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ความต้องการยางพาราลดลง ส่งผลให้ราคายางในตลาดโลกเริ่มลดลง ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงที่ต้นยางยังผลัดใบ และยังไม่สามารถกรีดยางได้โดยเฉพาะในประเทศไทย เป็นต้น