น.สพ.สรวิศ ธานีโต
อธิบดีกรมปศุสัตว์ ออกมายืนยันอีกครั้ง อ้างข้อมูลจาก OIE – FAO และAPHIS : USDA ระบุชัด “โรคลัมปี สกิน” เป็นโรคในโค-กระบือ ไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน เพื่อความไม่ประมาท แนะให้เกษตรกรล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ และรักษาความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้กับสัตว์ป่วยทุกครั้ง
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ข้อมูลทางวิชาการขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE)องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) และหน่วยงานบริการตรวจสอบสุขภาพสัตว์และพืช กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (APHIS : USDA) ซึ่ง OIE มีผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบความรู้และปรับปรุงความทันสมัยทางวิชาการทุกปียังให้ข้อมูลว่าโรคลัมปีสกิน เป็นโรคระบาดในโค กระบือเท่านั้น และไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ฉะนั้นไม่ต้องระหวาดระแวง โรคลัมปีสกิน เป็นโรคระบาดในโค กระบือ เท่านั้น โดยสามารถที่จะติดคนได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้โรคลัมปีสกินไม่ถือว่าเป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์สู่คนก็ตาม ทางกรมปศุสัตว์จึงให้ข้อมูลว่า แจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรค 1-12 และผู้อำนวยการสถาบันป้องกันโรคเขตเมืองประสานกับหน่วยงานและเครือข่ายในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมควบคุมโรคลัมปีสกิน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้เกษตรกร เนื่องจากมีรายงานพบผู้ป่วยซึ่งเป็นเกษตรกรที่มีอาการผิวหนังเป็นแผลมีตุ่มนูน แตก สะเก็ด มีไข้ อ่อนเพลียแล้วตรวจพบเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpes virus) และไวรัสลัมปีสกิน (Lumpy skin diseasevirus) ที่ผิวหนังซึ่งรายงานฉบับนั้นได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ และสร้างความตื่นตระหนกให้เกษตรกร เป็นอย่างมาก
นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวอีกว่า มีรายงานที่อ้างถึงพบผู้ป่วยในประเทศอียิปต์ซึ่งมีการตีพิมพ์เพียงฉบับเดียวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562 จากนั้นไม่มีรายงานเพิ่มเติมใดๆ ทั้งจากประเทศอียิปต์และประเทศอื่นๆ ที่มีการระบาดของโรคลัมปีสกิน ทั้งที่มีการระบาดของโรคลัมปีสกินอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศบังคลาเทศ อินเดีย จีน เวียดนาม เมียนมา
โดยในรายงานฉบับดังกล่าว ระบุว่า มีการตรวจพบเชื้อไวรัส 2 ชนิดคือ เชื้อไวรัสกลุ่มเฮอร์ปีส์และเชื้อไวรัสโรคลัมปี สกิน จากคนป่วยในตัวอย่างที่ผิวหนัง โดยปกติเชื้อไวรัสกลุ่มเฮอร์ปีส์เป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริม งูสวัดในคน ซึ่งจะแสดงอาการตุ่มหนองที่ผิวหนัง ริมฝีปากและอวัยวะเพศรวมถึงเป็นสาเหตุของโรคอีสุกอีใสด้วย นอกจากนี้ในรายงานไม่ได้ระบุจำนวนตัวอย่างที่ส่งตรวจหรือจำนวนตัวอย่างที่ให้ผลบวกแต่อย่างใด
ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเชื้อไวรัสชนิดใดที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยโรคที่ผิวหนังหรือเกิดจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดเพราะโดยปกติเชื้อไวรัสกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคลัมปี สกิน จะไม่ก่อโรคในผิวหนังปกติ สันนิษฐานจากกรณีนี้น่าจะมีสาเหตุโน้มนำจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเฮอร์ปีส์มาก่อนและระดับภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยต่ำมากร่วมกับมีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโรคลัมปี สกินจึงตรวจพบเชื้อไวรัสโรคลัมปีสกินด้วย
กระนั้นขอย้ำให้เกษตรกรและพี่น้องประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เนื่องจากโรคลัมปี สกิน ไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน แต่เพื่อเป็นการสร้างสุขอนามัยที่ดีของเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ แนะนำให้เกษตรกรล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้กับสัตว์ป่วยทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงสัตว์และพื้นที่โดยรอบ และสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อรักษาสัตว์ป่วยโรคลัมปีสกิน โดยเฉพาะที่มีรอยโรคที่ผิวหนัง
ทั้งนี้หากเกษตรกรมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ หรือ call center 063-225-6888 , https://www.facebook.com/116504086402205/posts/588686955850580/