ยึดริมคลองในกรุงเลี้ยงสัตว์ผสมผสาน

                          มีรายได้ทุกวัน-สร้างเงินก้อนทุกปี

โดย…ดลมนัส  กาเจ

                ตลอดแนวของลำคลองลำยะโซ รอยตะเข็บกั้นระหว่างเขตมีนบุรีกับลาดกระบัง กรุงเทพฯที่ถอดแนวยาวนั้น ยังเป็นแหล่งที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ทั้งสองฝากฝั่งหาปลาในธรรมชาติทั้งใช้ลอบดักปลา  ยกยอ เบ็ด บางช่วงเลี้ยงปลาในกระชั่ง แต่สำหรับชายวัย 67 ปี “ซีริน  มิตรยิ้ม” อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจสังกัดการเคหะแห่งชาติ เขาใช้ริมตลิ่งของคลองลำยะโซกว้างราว 8 เมตร ยาว50 เมตร ใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์ผสมผสานทั้งแพะ แกะ วันขุน เป็ดไข่ ไก่ไข่ ห่าน นกไก่นา และปลาดุก ในพื้นที่แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ  ปรากฏว่าสร้างรายทุกวัน และยังมีรายได้เป็นเงินก้อนจากการขายแพะ วัว แกะ ได้ทุกปีอีกด้วย

                ที่จริง ซีริน บอกว่า เขาอยู่อีกฝั่งคลองในแขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี แต่มาเลี้ยงสัตว์ฝั่งเขตลาดกระบัง เนื่องจากมีพื้นที่เหมาะกว่า โดยครั้งแรกเลี้ยงเมื่อครั้งยังทำงานที่การเคหะแห่งชาตินั้น เริ่มจากเลี้ยงวัว เพราะเห็นว่า ตลอดแนวคลองมีหญ้าขึ้นสวยงาม โดยวัวนั้นเขาจะผสมพันธุ์เอง หลังจากที่เกษียณอายุแล้ว เขาเริ่มเอาแพะมาเลี้ยง เพราะตลาดต้องการสูง เพิ่มแกะ เป็ด ไก่ไข่ นกไก่นา  โดยมีแพะทั้งหมด 30 ตัว แกะ กว่า 10 ตัว วัว  4 ตัว ไก่ไข่ 70 เป็ด  50  ตัว ห่าน 20 นกไก่นาอีกจำนวนหนึ่ง ปลาดุก 2 กระชังโดยเขาดูแลเพียงคนเดียว

[adrotate banner=”3″]

                ทุกวัน ซิริน  บอกว่า ต้องไปเอาเปลือกผลไม้จากพ่อค้าผลไม้ 3 เจ้า เป็นอาหารสัตว์ที่เลี้ยงไว้ จากนั้นเก็บไก่เป็ดวันละราว 30 ฟองขายฟองละ 4 บาทมีคนจองซื้อทุกวัน ไม่เพียงพอกับความต้องการ ไข่ไก่อีก ราว 40-50 ฟอง ทั้ง 2 อย่างจะมีรายได้ทุกวันราววันละ 250-300 บาท ส่วนรายอาทิตย์จะได้จากการขายปลาดุก เน้นนักตกปลา ทำเป็นเหยื่อปลาชะโด   พอสายๆจะปล่อยแพะ ให้เป็นกินหญ้าบริเวณใกล้เคียงกัน จากนั้นหาหญ้าให้วัว เย็นๆกลับดูแลเรื่องอาหารของสัตว์เหล่า

                “ถามว่ามีรายได้เยอะไม่ ก็อยู่ได้ อย่างแพะมีคนจองมาตลอด ขายครั้งละ 8-10 ตัวในราคาชั่งทั้งตัวแบบเป็นๆ กก.ละ 120 บาท แพะอายุ 1ขวบกับ 6 เดือนถึง 2 ขวบ จะมีน้ำหนักกว่า 30 กก.หรือประมาณตัวละกว่า 4,000  บาท ถือเป็นตัวที่สร้างรายมากที่สุด แกะขายในราคาเดียวกัน แต่มีน้ำหนักมากกว่า ส่วนวัว 1 ปีจะขายครั้งหนึ่ง ตกราคาอย่างน้อยตัวละ 5 หมื่นบาท” ซิริน กล่าว

                เขา บอกว่า เลี้ยงสัตว์เหล่านี้มาหลายปีแล้ว ไม่พบกับโรคระบาด  ที่สำคัญไม่ต้องไปหาตลาด เพราะมีลูกค้ามาหาเอง เพราะการเลี้ยงเป็นการเลี้ยงกึ่งธรรมชาติ อย่างแพะปล่อยให้ไปกินหญ้า เป็ด ห่าน หากินและว่ายน้ำในคลอง ถึงเวลาก็เรียกและไล่เข้าคอก เพราะสัตว์เชื่องหมดแล้ว

                ก็เป็นอาชีพที่น่าสนใจ อยู่กับบ้าน ดีกว่าปล่อยให้พื้นที่เสียโดยเปล่าประโยชน์ร และที่สำคัญสามารถสร้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย