กรมปศุสัตว์ ประกาศเดินหน้าเพิ่มมาตรการ และความเข้มงวดในการตรวจสอบทุกขั้นตอน ตลอดกระบวนการผลิตไก่ เน้นการใช้ยาสัตว์ต้องมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มเป็นผู้ตรวจสอบและกำกับการใช้ยาอย่างเคร่งครัด หวังยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ชูการพัฒนาอุตสาหกรรมไก่เนื้อ ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโต เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งไทยและตลาดโลก
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์และโฆษกกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัย (Food Safety)ขแงกรมปศุสัตว์ ว่า ทางกรมปศุสัตว์ขานรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ร่วมกับเกษตรกรและผู้ประกอบการในภาคปศุสัตว์ เพื่อพัฒนาระบบการเลี้ยงในฟาร์มมาตรฐาน โรงงานอาหารสัตว์มาตรฐานสากล เข้าชำแหละในโรงงานแปรรูปที่ถูกสุขอนามัย ตลอดจนการพัฒนาจุดจำหน่ายเนื้อสัตว์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างความสำเร็จของอุตสาหกรรมไก่เนื้อ ที่มีการพัฒนาอย่างจริงจังมาโดยตลอด
ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์ได้เพิ่มมาตรการ และความเข้มงวดในการตรวจสอบทุกขั้นตอนตลอดกระบวนการผลิตไก่ โดยเฉพาะการใช้ยาสัตว์ ที่มีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มเป็นผู้ตรวจสอบและกำกับการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าไก่เนื้อที่เลี้ยงในระบบฟาร์มมาตรฐาน ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตอย่างแน่นอน
“ที่ผ่านมายังมีผู้เข้าใจผิดเรื่องการใช้ยาสัตว์รวมถึงฮอร์โมนเร่งโตในไก่เนื้อ ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะมีสัตวแพทย์ผู้คงบคุมฟาร์มทำหน้าที่ดูแลแล้ว กรมปศุสัตว์ยังเน้นย้ำการเฝ้าระวังและสุ่มตรวจฮอร์โมนและสารตกค้างในเนื้อสัตว์ปีกเป็นประจำ โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ท้องที่ต้องอนุญาตก่อนที่จะมีการนำไก่เข้ากระบวนการแปรรูป และจากรายงานของสำนักตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ ในช่วงปี 2553–2560 ที่มีการสุ่มตัวอย่างสัตว์ปีก 2,543 ตัวอย่าง ไม่เคยพบฮอร์โมนตกค้างแม้แต่ตัวอย่างเดียว”นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าว
โฆษกกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญประเทศไทยมีกฎหมายห้ามการใช้สารเร่งการเจริญเติบโตในการเลี้ยง โดยสัตว์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 417 /2528 ลงวันที่ 23 กันยายน 2529 ให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ Hexoestrol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้ในสัตว์ปีก หากมีการลักลอบใช้ถือว่าผิดกฎหมาย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยจะใช้สารเร่งการเจริญเติบโต เพราะผิดทั้งกฎหมายของไทย และขัดต่อข้อบังคับของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญ
[adrotate banner=”3″]
กระนั้นการเลี้ยงไก่มีการพัฒนามาโดยตลอด ทำให้มีพันธุ์สัตว์ที่ดี มีอาหารสัตว์คุณภาพ เลี้ยงในโรงเรือนปิดใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย การจัดการร่วมกับการดูแลด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี มีระบบการป้องกันโรคที่เข้มงวด ทำให้ไก่เนื้อเติบโตเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งใดๆ ที่สำคัญการเลี้ยงไก่มีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งสำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ผู้บริโภคจึงมั่นใจในคุณภาพของไก่เนื้อปลอดภัยไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโต
จากจุดแข็งของไทยที่มีผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ที่ปลอดภัย ปลอดสาร ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง ทำให้เนื้อไก่ของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากบราซิล สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปตามลำดับ โดยมีประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป