มอบแล้ว!! รางวัลแปลงใหญ่ดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2565 แปลงใหญ่มะพร้าวทับสะแกคว้าชนะเลิศ

  •  
  •  
  •  
  •  

แปลงใหญ่มะพร้าวจากทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ คว้ารางวัลชนะเลิศแปลงใหญ่ดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี 2565 ได้รับเงินรางวัล 6 หมื่นบาท พร้อมโล่และเกียรติบัตรจาก รมว.เกษตรฯ “เฉลิมชัย” เผยเป็นรางวัลที่เชิดชูเกียรติกลุ่มเกษตรกรในโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และนำตัวอย่างความสำเร็จที่จับต้องได้มาเผยแพร่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนให้เกษตรกรอีกเป็นจำนวนมาก

วันที่ 9 กันยายน 2565 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานมอบรางวัลแปลงใหญ่ดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี 2565 แก่กลุ่มแปลงใหญ่ต้นแบบ โดยมี นายโอภาส ทองยงค์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณื เข้าร่วมณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับการมอบรางวัลในครั้งนี้เป็นแปลงใหญ่ต้นแบบที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ แปลงใหญ่มะพร้าว หมู่ 2 ตำบลเขาล้าน อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับเงินรางวัล 60,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร ปัจจุบันมีสมาชิก 72 ราย พื้นที่ 1,041 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 1,124,280 ผล/ปี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ แปลงใหญ่ข้าว หมู่ 7 ตำบลหนองเมือง อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี รับเงินรางวัล 40,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร ปัจจุบันมีสมาชิก 117 ราย พื้นที่ 1,794 ไร่ ผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 772 ตัน/ปี (เฉลี่ย 430 กก./ไร่)

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน หมู่ 7 ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร ปัจจุบันมีสมาชิก 321 คน พื้นที่ 3,397.79 ไร่ ผลผลิตรวม 10,872 ตัน/ปี รายได้รวม 78.67 ล้านบาท

และรางวัลชมเชย จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ กลุ่มส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี, แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา และแปลงใหญ่มะขาม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มมะขามแปลงใหญ่ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านเสี้ยว อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า  กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรของไทยในทุกระดับ ตามนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” เพื่อให้เกษตรกรสามารถแข่งขันได้ โดยเน้นการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน มีระบบการบริหารจัดการแปลงที่ดี และมีการจัดการด้านการตลาด โดยมุ่งเน้นให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งที่ผ่านมากรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มเพื่อบริหารจัดการร่วมกันสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงตลาดทำให้ผลผลิตมีตลาดรองรับที่แน่นอน เป็นการช่วยลดความเสี่ยงด้านราคา เกษตรกรจึงมีรายได้ที่แน่นอน และมีความมั่นคงในอาชีพนอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังได้ดำเนินงานโครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) โดยจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของชุมชน และเป็นกลไกการทำงานในพื้นที่ มุ่งเน้นการเรียนรู้จากเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังเป็นจุดที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารและบริการด้านการเกษตร เป็นจุดพบปะพูดคุยของเจ้าหน้าที่กับเกษตรกร และเกษตรกรกับเกษตรกรด้วยกันเองด้วย

“การมอบรางวัลแปลงใหญ่ดีเด่นในวันนี้ เป็นการเชิดชูเกียรติกลุ่มเกษตรกรในโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และนำตัวอย่างความสำเร็จที่จับต้องได้มาเผยแพร่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนให้เกษตรกรอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นแบบอย่างในการเรียนรู้และนำไปปรับปรุงพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถการผลิตทางการเกษตรของตนเอง กลุ่ม หรือชุมชน ให้มีประสิทธิภาพ และเกิดความยั่งยืนในอาชีพการเกษตรต่อไป” นายเฉลิมชัย กล่าว

ทั้งนี้ การดำเนินงานในระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ คือการส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรผ่านการบริหารจัดการร่วมกัน และมุ่งเน้นการพัฒนา 5 ด้าน คือ ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน บริหารจัดการ และจัดการด้านการตลาด โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด มีการเชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิตกับตลาด เพื่อตกลงรูปแบบการซื้อขายร่วมกัน ก่อให้เกิดความเป็นธรรมของทั้ง 2 ฝ่าย ตามนโยบาย “ตลาดนำการเกษตร” ปัจจุบันมีแปลงใหญ่ที่ผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 8,955 แปลง เกษตรกรประมาณ 4.9 แสนราย พื้นที่ 8 ล้านไร่ สร้างมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุนและการเพิ่มผลผลิตรวมประมาณ 71,575 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2565)