ดลมนัส กาเจ
ทันทีที่ทราบว่า สุดยอดของทุเรียนมาเลเลียทั้งราชาทุเรียนมาเลเซีย “มูซังคิง” หรือ “เหมาน ซาน หวาง” ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลกโดยเฉพาะจีน และราชินีของทุเรียนมาเลเซีย ที่กำลังเห่อในขณะนี้ “โอฉี” (Ochee) หรือ “หนามดำ” (Black Thorn) ที่ปลูกกันมากที่สุดในประเทศที่ อ.เบตง จ.ยะลา คณะของเรารีบเดินทางไปทันที เพื่อพิสูจน์ ความจริงว่าสุดยอดของทุเรียนมาเลเซียทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างไรทั้งรูปลักษณ์ เอกลักษณ์ และรสชาต
ด้านบนโอฉี ด้านล่างมูซังคิง
แน่นอนที่สุด การที่เราจะไปชิมทุเรียนมาเลเซียนั้น คณะของเราจะขาดคือผู้เชี่ยวชาญด้านทุกเรียนมาเลเซียไม่ได้เลย อาจารย์สาย “อนวัช สะเดาทอง” นักวิชาการด้านทุเรียนที่มีความชำนาญพิเศษเกี่ยวกับทุเรียนมูซังคิง แห่งบริษัท โกลเด้นคิง แพลนท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายต้นกล้าทุเรียนพันธุ์ มูซังคิง แห่งแรกและแห่งในรูปแบบของบริษัทในประเทศไทย ซึ่งพบว่าเรียนพันธุ์มูซังคิง และโอฉี มีการปลูกมากที่สุดในพื้นที่ ใกล้บ้านบ่อน้ำร้อน ต.นาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา นั่นเอง
ซ้ายล่างมูซังคิง ขวาโอฉี
หากดูผิวเผิน”มูซังคิง” กับ”โอฉี”ที่ก้นจะใกล้เคียงยู่บ้างตรงที่ก้นผลมีแฉกเป็น ห้าดาว แต่ถ้าดูอย่างละเอียด “มูซังคิง” ผลทรงกรมเป็นหยดน้ำ ที่ก้นมีแฉกห้าดาวเห็นชัดเจน ด้านบนสุดเป็นมงกุฏสีออกทองครอบล้อมรอบก้านผล เมื่อปอกเปลือกที่เห็นชัดคือเนื้อสีเหลืองเข้มดั่งขมิ้น ชื่อเดิมจึงเรียกว่า “รายากูหงิด” หรือ “ราชาขมิ้น” เมล็ดลีบมากจนแบนไม่มีเนื้อของเมล็ดเมล็ดเลย เนื้อเนียน หนียว รสชาตหวานมัน อร่อยเป็นเอกลักษณ์แห่งตน
มูซังคิง
ส่วน “โอฉี” หรือ”หนามดำ” รูปทรงของผลกลม ที่ก้นมีแฉกห้าดาวเหมือนกัน แต่ลางๆหรือบางกว่า กลางก้นมีหนามสีดำ จึงเรียกว่า “หนามดำ” เมื่อปอกเปลือกแล้วเนื้อเป็นสีดอดจำปา เนื้อเนียนละเอียดเป็นครีม แต่จะเละกว่ารสชาตหวาน มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเช่นกัน ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงคือเมล็ดโต แต่ข้อดีคือผลที่ก้นแตกช้า เก็บได้นาน รายละเอียดของความแตกต่างกันอย่างไร ติดตามในคลิป
โอฉี
สนใจทุเรียนมูซังคิงสอบถามได้ที่โทร.08-1554-6816