เปิดอย่างยิ่งใหญ่ งานมหกรรมการเกษตร “ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 ” ที่ไบเทค บางนา งานนี้มีถึงวันที่ 6 กันยายน 2567 “นฤมล” สบช่องแสดงวิสัยทัศน์ด้านการเกษตรกลางเวทีเปิดงาน ประกาศเดินหน้าในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถให้เกษตรกรไทยมีรายได้อย่างยั่งยืน
วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเป็นประธานเปิดงานมหกรรมการเกษตร “ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024” (Farm Expo 2024)จัดขึ้นภายใต้ธีม Revolutionising Farm Business และร่วมแสดงวิสัยทัศน์ โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคเอกชน เข้าร่วม ณ ฮอลล์ 98 – 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
สำหรับการจัดงานในครั้งเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้านการเกษตรให้เติบโตพร้อมกันอย่างยั่งยืนจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งภายในงานได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร สินค้าและบริการจากภาคเกษตรมาจัดแสดงกว่า 14 โซน อีกทั้งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) ตู้คีบทุเรียนใหญ่ที่สุดในโลก 2) ตรวจดินฟรี ดินดี ปลูกอะไรก็งอกงาม 3) น้อยหน้าอิสราเอล ลูกละโล จองคิวยาวข้ามปี 4) อัพสกิลเรียนบินโดรนฟรีกับสถาบันการบินพลเรือน เป็นต้น โดยกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 ตุลาคม 2567
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานในสังกัดได้มาร่วมเปิดมหกรรมการเกษตรร่วมกับภาคเอกชนและภาคีเครือข่าย โดยหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจและทางวิจัย เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถให้เกษตรกรไทยมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมผลักดันให้ GDP ภาคเกษตรเติบโตตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ของรัฐบาล รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรสร้าง แบรนด์สินค้าและใช้นวัตกรรมให้เกิดสินค้าเกษตรมูลค่าสูง เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยการยางแห่งประเทศไทย ได้เตรียมแผนการทำเกษตรยั่งยืนตามแนวโน้มการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของทั่วโลก ด้วยการนำร่องทดลองปลูกต้นยาง เพื่อเข้าร่วมตลาดคาร์บอนเครดิต จำนวน 100,000 ไร่ อีกทั้ง เตรียมแผนการส่งออกยางพาราที่เข้าหลักเกณฑ์ EU Deforestation Regulation (EUDR) จำนวน 3.5 ล้านตัน ซึ่งหากทำการรุกตลาดอียูได้ก่อนประเทศผู้ส่งออกยางรายอื่น ประเทศไทยจะสามารถเป็นผู้กำหนดราคายางระดับโลกได้ ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ และเอกชนในการผลักดันการทำงานให้สำเร็จ และร่วมกันช่วยให้เกษตรกรไทยเติบโตอย่างยั่งยืน