ดลมนัส กาเจ
เรื่องราวสาวสวยอดีตพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) “สุจีวรรณ เที่ยงแท้” รายนี้ “เกษตรทำกิน” ได้พบเห็นที่ ต.ดงกลาง อ.เมือง จ.พิจิตร เธอตัดสินใจกลับคืนถิ่นสู่ภาคเกษตร เพื่อช่วยคุณแม่ “แก้วตา อินหัน” ทีทำสวนสวนอินทผาลัมเพียงคนเดียว และกำลังขยายพื้นที่ปลูกต้นยอ เพื่อขายใบ และมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว จึงตัดสินใจกลับช่วยคุณแม่อีกแรงหนึ่ง
ที่จริงหญิงแกร่ง 2 แม่ลูกหัวใจเกษตรเต็มร้อยรายนี้ ทั้ง แก้วตา และ สุจีวรรณ ต่างใช้ชีวิตในสังคมเมืองในกรุงเทพมหานคร โดย แก้วตา มีอาชีพช่างเสริมย่าน จ.สมุทรปราการ อยู่เพื่อเป็นเพื่อนลูก จนลูกสาวเรียนจบในสถาบันอุดมศึกษา และมีงานทำเป็นพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เห็นว่าลูกมีอาชีพมั่นคงแล้วตัดสินกลับบ้านเกิดที่พิจิตร
“ตอนนั้นกระแสอินทผาลัมมาแรงมาก ไปดูมาหลายที่ขายกัน กก.ละ 500 บาท เราเองมีพื้นที่อยู่แล้วที่บ้านเกิด จึงตัดสินปลูกปลูกอินทผาลัมดูก่อน เมื่อ 4 ปีก่อน ไม่กี่ต้น พออกผลผลิตขายได้ เลยขยายเพิ่มหลายร้อยต้น ให้ผลผลิตแล้วปีแรกหลังจากขยายพื้นที่แล้วขายรุ่นแรกมีรายได้เกือบล้านจึงมองว่า อนาคตหากต้นอินทผาลัมออกผลผลิตได้เต็มที่คงมีรายได้เป็นหลักล้านบาทในแต่ละปี
ในระหว่างนั้น แก้วตา บอกว่า มีพื้นที่รอบสวนลองปลูกต้นยอเล่นๆ ปรากฏว่า มีแม่ค้าในตลาดเมืองพิจิตรเห็นแล้วขอซื้อใบในราคา กก.ละ 10 บาท เก็บได้ทุกวันๆละ 10 กก. จึงปลูกเพิ่มกว่า 200 ต้น จึงมองว่า หากต้นโต สมบูรณ์ น่าจะมีรายได้ดี จึงขยายเพิ่มอีกรวมแล้ว 500 ต้น โดยลูกสาว ตัดสินใจออกบริษัทการไทยช่วงที่มีการปรับระบบภายในเพื่อกลับมาช่วย เน้นพัฒนาสู่เกษตรแบบสมัยใหม่ ที่ต้องจัดระบบการตลาดใหม่ในอนาคต
สุจีวรรณ บอกว่า เห็นคุณแม่อยู่คนเดียว จึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อช่วยคุณแม่ เบื้อนต้นลองดูแลในส่วนของต้นยอก่อน เพราะมองพืชชนิดนี้ตลาดต้องการสูงมาก เฉพาะในตลาดเมืองพิจิตรเองยังไม่พอ ต่อไปต้องขยายพื้นที่ปลูก เพื่อรองรับตลาดส่วนอื่นด้วย โดยเฉพาะตลาดออนไลน์ ซึ่งปกติใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ต้องมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด
เธอ บอกด้วยว่า การปลูกต้นยอง่ายมาก ปลูกแล้วรดน้ำ พอต้นโต ปล่อยได้เลย รดน้ำบ้าง ให้ปุ๋ยบ้าง ซึ่งปกติ ถ้าต้นโตแล้วไม่รดน้ำ ไม่ใส่ปุ๋ยก็ได้ แต่ถ้าเพื่อการค้าต้องดูแล้วเพิ่มเติมให้ต้นสมบูรณ์ เพราะเชื่อว่าตลาดไปได้สวย ต่อไปต้องประสานกับระบบการขนส่งเพื่อขยายตลาดไปยังจังหวัดอื่นบ้าง (รายละเอียดในคลิป)