มารู้จัก“โหระพา” ราชาสมุนไพรพื้นบ้านที่ไม่ธรรมดา โหระพา เป็นพืชที่เรารู้จักมักคุ้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่มีแร่ธาตุสูงและมีวิตามินอีกมากมาย และที่สำคัญอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อเซลล์ให้กับร่างกาย เรามาทำความรู้จักกับเจ้าโหระพา ที่มากด้วยประโยชน์ หรือนำมาใช้เพื่อสุขภาพที่ดี ประโยชน์ของโหระพา มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่จำเป็นหลากชนิด จึงทำให้โหระพามีประโยชน์มากมาย เหมาะกับการนำมากินเพื่อสุขภาพมากที่สุด โดยประโยชน์ของโหระพาก็มีมากมายอาทิเช่น เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โหระพามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อรับประทานโหระพาเป็นประจำ จึงทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย แถมยังลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ได้ดีอีกด้วยใบโหระพา เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็ง มีธาตุแคลเซียมสูงด้วย นอกจากจะเป็นอาหารแล้ว โหระพายังเป็นสมุนไพรด้วย เพราะมีสรรพคุณทางยาอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวช่วยให้สมองแข็งแรง ใบโหระพาช่วยปกป้องการเสื่อมสภาพของสมอง เพราะว่ามีแร่ธาตุแมงกานีส อีกทั้งยังมีแร่ธาตุทองแดงที่สามารถกระตุ้นการทำงานทางด้านจิตใจได้ ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบเป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่งที่สามารถนำไปสู่ความพิการได้ ซึ่งในใบโหระพามีสารเคมีธรรมชาติที่ช่วยต้านการอักเสบของโรคนี้ได้ ช่วยลดความเครียด ในใบโหระพานั้นมีสารต่าง ๆ เช่น อแดปโตเจน (adaptogen) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยให้เกิดความสมดุลของร่างกาย เช่น ช่วยลดการเกิดสภาวะเครียดในร่างกาย ความเครียดทางอารมณ์ ช่วยในการต้านริ้วรอย ใบโหระพานั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสารต้านการออกซิเดชั่น ซึ่งช่วยทำให้ผิวของเราไม่เหี่ยวก่อนวัยอันควรช่วยเสริมสร้างกระดูก การสูญเสียความหนาแน่นของกระดูกนำไปสู่การบาดเจ็บของสภาพร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มีแนวโน้มเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย ในใบโหระพาเป็นแหล่งของวิตามินเค ซึ่งมีส่วนช่วยดูดซึมแคลเซียมให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการทานใบโหระพาก็ช่วยเสริมสร้างกระดูกได้นะ แก้โรคลมชัก ใบโหระพามีประโยชน์ต่อระบบประสาท ซึ่งจะช่วยส่งผล ดีต่อผู้ที่เป็นโรคลมชักเผาผลาญพลังงาน เนื่องจากในใบโหระพามีแมงกานีสอยู่มาก ถ้าทานเข้าไปก็จะช่วยให้ร่างกายปล่อยเอนไซม์ที่มีประโยชน์ เช่น กรดอะมิโน นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญน้ำตาลกลูโคสได้ดีด้วย
ที่มาข้อมูล : health.campus-star.com,puechkaset.com
ผู้เรียบเรียง : Fasai Jomjai